คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
ไอ้หนูจากเมืองหลวงหอบกระเป๋าขึ้นเหนือไปยังแมนเชสเตอร์ พร้อมกับความฝันอยากเป็นนักเตะอาชีพเต็มเปี่ยม ในที่สุด เดวิด เบ็คแฮม ก็กลายเป็นที่จับตามอง ผนึกกำลังเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง พอล สโคลส์, นิคกี บัตต์ หรือว่า พี่น้อง “เนวิลล์” (แกรี กับ ฟิล) พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดยังเติร์กผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ในปี 1992
นั่นคือจุดเริ่มต้นของเส้นทาง “ซูเปอร์สตาร์” จากไอ้หนุ่มแก้มแดง ผมทอง มองเผินๆ นึกว่าพวก “บอยแบนด์” ก็เริ่มเป็นที่คุ้นตาสาวก “ผีแดง” ป๋าดัน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ ซึ่ง เบ็คแฮม ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจ เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนยังจำลูกยิงจากครึ่งสนามพอดีเป๊ะของมิดฟิลด์หมายเลข 10 ที่ลอยละลิ่วเข้าปะทะตาข่าย วิมเบิลดัน เมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ติดตา ถึงวันนี้คงไม่มีใครคิดว่าหนึ่งในประตูสุดสวยตลอดกาลเป็นลูกฟลุ๊ก เพราะถึงวันนี้ เบ็คแฮม พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเท้าขวาของเขานั้นฉมังและแม่นยำเพียงใด
ล่าสุด “เบ็คส์” เป็นข่าวครึกโครมอีกครั้ง ประกาศดีเดย์ 1 ธันวาคมนี้ จะลงสนามนัดสุดท้ายให้แก่ แอลเอ แกแล็กซี อย่างไรก็ตาม มิดฟิลด์วัย 37 ปี แย้มพร้อมลงทุนเข้าถือหุ้นแฟรนไชส์ลูกหนังแดนมะกัน เพียงแต่สโมสรใดยังไม่เปิดเผย สำหรับ “เบ็คส์” ย่ำถิ่นโฮม ดีโปต์ เซ็นเตอร์ เมื่อปี 2007 เซ็นสัญญา 5 ปี รับทรัพย์ไปเบาะๆ 32.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 975 ล้านบาท) นี่ยังไม่รวมรายได้จากค่าภาพลักษณ์ต่างๆ ที่แยกต่างหาก
เชื่อเหลือเกินว่าด้วยความเป็นมืออาชีพ เบ็คแฮม พร้อมปิดฉากให้สวยหรูที่สุดกับ แกแล็กซี ด้วยการนำทีมย้ำแค้น ฮุสตัน ไดนาโม ให้ได้ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เพื่อป้องกันแชมป์เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (MLS) ให้จงได้ ถึงแม้ที่ผ่านมา “เบ็คส์ เอฟเฟกต์” ส่งผลแต่แง่ดีให้ต่อต้นสังกัดและลีกมานักต่อนักแล้วก็ตาม มีส่วนสำคัญในการง้างใจผู้เล่นดาวดังอย่าง เธียร์รี อองรี, ราฟาเอล มาร์เกซ, ฮวน ปาโบล อังเคล, ร็อบบี คีน หรือว่า ทิม เคฮิลล์ ให้มาขุดเงินดอลลาร์ ผลักดันให้ยอดผู้ชมในสนามฤดูกาลนี้เฉลี่ยสูงสุด 18,807 คนต่อเกม เข้าสู่เพลย์ออฟยอดเกือบๆ แตะหลัก 2 หมื่นสองพันคนเลยทีเดียว แค่นี้ ดอน การ์เบอร์ ประธานลีกก็แทบยกตำแหน่ง “ทูตลูกหนัง” ให้แล้ว
คำถามที่หลายคนอยากรู้ คือ เบ็คแฮม จะเลือกสโมสรสุดท้ายเป็นที่ใด กลับสู่ความเป็น “ยูไนเต็ด” อาจไม่สนิทใจนัก หรือจะไปค้าแข้งในบ้านเกิด หลายทีมในลอนดอนก็น่าสนใจ ไม่ต้องขอแค่ซ้อมกับ อาร์เซนอล หรือ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ส่วนข่าวที่หลายทีมใน “เอ-ลีก” ออสเตรเลีย สนใจนั้น หากได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษา เชื่อเหลือเกินว่าอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ หันไปมอง “ไชนีส ซูเปอร์ลีก” ไม่ดีกว่าหรือ เพราะทันทีที่เท้าเหยียบสู่สนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่ง สปอนเซอร์ต้องแห่มาขอลายเซ็นเป็นแน่ เพราะรู้กันอยู่ว่าจีน เป็นตลาดที่ใหญ่แค่ไหน แต่หากตามใจ วิคตอเรีย ศรีภรรยา เมืองแฟชั่นอย่างมหานครปารีส ก็น่าสนใจไม่น้อย ที่นั่นกลุ่มทุนจากตะวันออกกลางเจ้าของสโมสร ปารีส แซงต์แชร์กแมง พร้อมเทค่าเหนื่อยให้ไม่อั้นอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่า “ความต้องการ” ที่แท้จริงคืออะไร
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ตลอดอาชีพค้าแข้งที่ผ่านมา เบ็คแฮม ถือว่าซึมซับครบทุกรสชาตินับแต่วันแรกถึงวันใกล้ลา ผ่านสมรภูมิรบมาแล้วมากมาย ทั้งใน แมนเชสเตอร์, มาดริด, มิลาน, แอลเอ หรือจะเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง ฟุตบอลโลก, ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เสียดายที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในประสบการณ์มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ “โอลิมปิกเกมส์” ทั้งที่ลอนดอน บ้านเกิดได้เป็นเจ้าภาพปี 2012 แต่ทั้งนี้มันก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่ดาวดวงนี้จะสวมบทบาท “นักเดินทาง” อีกครั้ง เพื่อออกแสวงหาความท้าทายสุดท้ายบนถนนสายลูกหนังอันเป็นที่รัก..ลาก่อน อเมริกา
ไอ้หนูจากเมืองหลวงหอบกระเป๋าขึ้นเหนือไปยังแมนเชสเตอร์ พร้อมกับความฝันอยากเป็นนักเตะอาชีพเต็มเปี่ยม ในที่สุด เดวิด เบ็คแฮม ก็กลายเป็นที่จับตามอง ผนึกกำลังเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง พอล สโคลส์, นิคกี บัตต์ หรือว่า พี่น้อง “เนวิลล์” (แกรี กับ ฟิล) พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดยังเติร์กผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ในปี 1992
นั่นคือจุดเริ่มต้นของเส้นทาง “ซูเปอร์สตาร์” จากไอ้หนุ่มแก้มแดง ผมทอง มองเผินๆ นึกว่าพวก “บอยแบนด์” ก็เริ่มเป็นที่คุ้นตาสาวก “ผีแดง” ป๋าดัน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ ซึ่ง เบ็คแฮม ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจ เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนยังจำลูกยิงจากครึ่งสนามพอดีเป๊ะของมิดฟิลด์หมายเลข 10 ที่ลอยละลิ่วเข้าปะทะตาข่าย วิมเบิลดัน เมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ติดตา ถึงวันนี้คงไม่มีใครคิดว่าหนึ่งในประตูสุดสวยตลอดกาลเป็นลูกฟลุ๊ก เพราะถึงวันนี้ เบ็คแฮม พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเท้าขวาของเขานั้นฉมังและแม่นยำเพียงใด
ล่าสุด “เบ็คส์” เป็นข่าวครึกโครมอีกครั้ง ประกาศดีเดย์ 1 ธันวาคมนี้ จะลงสนามนัดสุดท้ายให้แก่ แอลเอ แกแล็กซี อย่างไรก็ตาม มิดฟิลด์วัย 37 ปี แย้มพร้อมลงทุนเข้าถือหุ้นแฟรนไชส์ลูกหนังแดนมะกัน เพียงแต่สโมสรใดยังไม่เปิดเผย สำหรับ “เบ็คส์” ย่ำถิ่นโฮม ดีโปต์ เซ็นเตอร์ เมื่อปี 2007 เซ็นสัญญา 5 ปี รับทรัพย์ไปเบาะๆ 32.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 975 ล้านบาท) นี่ยังไม่รวมรายได้จากค่าภาพลักษณ์ต่างๆ ที่แยกต่างหาก
เชื่อเหลือเกินว่าด้วยความเป็นมืออาชีพ เบ็คแฮม พร้อมปิดฉากให้สวยหรูที่สุดกับ แกแล็กซี ด้วยการนำทีมย้ำแค้น ฮุสตัน ไดนาโม ให้ได้ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เพื่อป้องกันแชมป์เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (MLS) ให้จงได้ ถึงแม้ที่ผ่านมา “เบ็คส์ เอฟเฟกต์” ส่งผลแต่แง่ดีให้ต่อต้นสังกัดและลีกมานักต่อนักแล้วก็ตาม มีส่วนสำคัญในการง้างใจผู้เล่นดาวดังอย่าง เธียร์รี อองรี, ราฟาเอล มาร์เกซ, ฮวน ปาโบล อังเคล, ร็อบบี คีน หรือว่า ทิม เคฮิลล์ ให้มาขุดเงินดอลลาร์ ผลักดันให้ยอดผู้ชมในสนามฤดูกาลนี้เฉลี่ยสูงสุด 18,807 คนต่อเกม เข้าสู่เพลย์ออฟยอดเกือบๆ แตะหลัก 2 หมื่นสองพันคนเลยทีเดียว แค่นี้ ดอน การ์เบอร์ ประธานลีกก็แทบยกตำแหน่ง “ทูตลูกหนัง” ให้แล้ว
คำถามที่หลายคนอยากรู้ คือ เบ็คแฮม จะเลือกสโมสรสุดท้ายเป็นที่ใด กลับสู่ความเป็น “ยูไนเต็ด” อาจไม่สนิทใจนัก หรือจะไปค้าแข้งในบ้านเกิด หลายทีมในลอนดอนก็น่าสนใจ ไม่ต้องขอแค่ซ้อมกับ อาร์เซนอล หรือ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ส่วนข่าวที่หลายทีมใน “เอ-ลีก” ออสเตรเลีย สนใจนั้น หากได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษา เชื่อเหลือเกินว่าอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ หันไปมอง “ไชนีส ซูเปอร์ลีก” ไม่ดีกว่าหรือ เพราะทันทีที่เท้าเหยียบสู่สนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่ง สปอนเซอร์ต้องแห่มาขอลายเซ็นเป็นแน่ เพราะรู้กันอยู่ว่าจีน เป็นตลาดที่ใหญ่แค่ไหน แต่หากตามใจ วิคตอเรีย ศรีภรรยา เมืองแฟชั่นอย่างมหานครปารีส ก็น่าสนใจไม่น้อย ที่นั่นกลุ่มทุนจากตะวันออกกลางเจ้าของสโมสร ปารีส แซงต์แชร์กแมง พร้อมเทค่าเหนื่อยให้ไม่อั้นอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่า “ความต้องการ” ที่แท้จริงคืออะไร
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ตลอดอาชีพค้าแข้งที่ผ่านมา เบ็คแฮม ถือว่าซึมซับครบทุกรสชาตินับแต่วันแรกถึงวันใกล้ลา ผ่านสมรภูมิรบมาแล้วมากมาย ทั้งใน แมนเชสเตอร์, มาดริด, มิลาน, แอลเอ หรือจะเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง ฟุตบอลโลก, ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เสียดายที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในประสบการณ์มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ “โอลิมปิกเกมส์” ทั้งที่ลอนดอน บ้านเกิดได้เป็นเจ้าภาพปี 2012 แต่ทั้งนี้มันก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่ดาวดวงนี้จะสวมบทบาท “นักเดินทาง” อีกครั้ง เพื่อออกแสวงหาความท้าทายสุดท้ายบนถนนสายลูกหนังอันเป็นที่รัก..ลาก่อน อเมริกา