“ทอฟฟี” จะไป แชมเปียนส์ ลีก

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- ด้วยผลงานออกสตาร์ทอันน่าทึ่ง ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 นัด มี 13 แต้ม ตามหลังจ่าฝูง เชลซี แค่ 3 แต้ม แน่นอนหลายคนโดยเฉพาะสาวก “เอฟเวอร์โตเนียน” จะต้องแอบฝันหวานถึงฤดูกาล 2004-05 ที่บั้นปลายจบด้วยอันดับ 4 คว้าโควตา ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ โดยปีนั้น เอฟเวอร์ตัน ก็ออกตัวด้วยการเก็บแต้มเท่ากับตอนนี้ แม้สุดท้ายจะตกรอบเพลย์ออฟไม่ได้เข้าไปเล่นแบ่งกลุ่มก็ตาม

ปีที่แล้ว นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก็ถูกพูดถึงในลักษณะนี้ หลังจากออกตัวแรงสุดท้ายแล้วก็ห่างจากอันดับ 4 คือ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แค่ 4 แต้ม แต่ดวงแตกทั้งคู่ เพราะเป็น เชลซี คว้าตั๋วใบสุดท้ายไปเชยชมในฐานะแชมป์เก่า ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลว่าทำไมปีนี้จะไม่เป็นโอกาสของ เอฟเวอร์ตัน บ้าง เพราะตัวผู้เล่นก็ถือว่าไม่ได้ด้อยกว่า “สาลิกาดง” แถมเคยมีประสบการณ์คั่วโควตา แชมเปียนส์ ลีก มาแล้ว ภายใต้กุนซือคนเดิม คือ เดวิด มอยส์

แม้ว่าจะแพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-2 ตกรอบ 3 แคปิตอล วัน คัพ แต่ว่า เอฟเวอร์ตัน ก็กลับมาได้อย่างรวดเร็วด้วยการเปิด กูดิสัน ปาร์ค พลิกชนะ เซาแธมป์ตัน 3-1 ทั้งที่ตอนแรกนึกว่าจะเสียขบวนไปแล้ว สิ่งที่ มอยส์ จะต้องเติมให้กับผู้เล่นก็คือความมุ่งมั่นแบบนี้ตลอดระยะเวลา 7 เดือนครึ่งที่เหลือจากนี้

นักเตะที่เหลือรอดจากฤดูกาล 2004-05 มีเพียง ลีออน ออสมัน และ โทนี ฮิบเบิร์ต ที่เคยมีประสบการณ์นี้พร้อมกับ เอฟเวอร์ตัน ถ้าเทียบกับแบบตำแหน่งต่อตำแหน่งแล้วถือว่าอนาคตสดใสมาก ไล่ตั้งแต่แนวรับ ฟิล จากิลกา กับ จอห์น ไฮติงกา เหนียวกว่า เดวิด เวียร์ กับ โจเซฟ โยโบ หลายขุม กองกลางยุคนั้นที่มีน้ำมีเนื้อหน่อยก็แค่ มิเกล อาร์เตตา กับ ทิม เคฮิลล์ วัดกับ สตีเวน พีนาร์ กับ มารูยาน เฟลไลนี ก็ไม่ขี้เหร่

ดังนั้น ต้องระวังอย่าให้นักเตะตัวหลักบาดเจ็บ เพราะขุมกำลังสำรองของ เอฟเวอร์ตัน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะ นิกิชา เยลาวิช กองหน้าทีมชาติโครเอเชีย ฤดูกาลนี้ใน พรีเมียร์ชิป ซัดไปแล้ว 3 ประตูจาก 5 นัด ย้ายมาจาก กลาสโกว์ เรนเจอร์ส เมื่อกลางปีที่แล้วก่อนจะยิง 9 ประตูจาก 13 นัด ถือว่าตาแหลมมากและชวนให้นึกถึง “บิ๊กดังก์” ดันแคน เฟอร์กูสัน ทั้งรูปร่างและสไตล์การเล่นที่คล้ายกัน ส่วนพวกป้ายแดงที่มาเมื่อซัมเมอร์ยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ทั้ง เควิน มิราลลาส และ สตีเวน เนย์สมิธ

สิ่งที่สำคัญคือ ถ้า เอฟเวอร์ตัน ทำได้สำเร็จไปเล่น แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า นักเตะอย่าง เฟลไลนี กองกลางทีมชาติเบลเยียม ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญอาจเปลี่ยนใจอยู่ค้าแข้งในถิ่น กูดิสัน ปาร์ค ต่อไปก็ได้ หลังจากเปิดฉากไม่ทันไรก็เปรยว่าจะเล่นในยูนิฟอร์มสีน้ำเงินเป็นปีสุดท้าย ถือเป็นผู้เล่นที่จะเสียไม่ได้อย่างเด็ดขาด แม้ว่าอาจจะได้เงินก้อนโตก็ตาม เพราะแข้งหัวฟูวัย 24 ปีเล่นได้โดดเด่นทั้งรุกและรับไม่ใช่ว่าจะหาตัวแทนกันได้ง่ายๆ ด้วย หลังย้ายจาก สตองดาร์ด ลีแอช ด้วยค่าตัวสูงเป็นสถิติสโมสร 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 750 ล้านบาท)

เอฟเวอร์ตัน จะต้องเล่นให้ยืดหยุ่นและหลากหลายมากกว่านี้ รวมถึงเร่งโกยแต้มให้เป็นกอบเป็นกำช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลระหว่างที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, แมนเชสเตอร์ ซิตี และ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ยังปรับกระบวนทัพไม่เข้าที่เข้าทาง

โดยดูจากโปรแกรมแล้วอีก 7 นัดจากนี้หนักสุด ก็คือ “เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี” รับมือ ลิเวอร์พูล วันที่ 28 ตุลาคมนี้ แต่ด้วยฟอร์มของ “หงส์แดง” ก็ต้องบอกว่าน่ารักน่าลุ้นไม่ใช่น้อย ก่อนจะไปเจอบทพิสูจน์สำคัญปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นธันวาคม พบ อาร์เซนอล, แมนฯซิตี และ สเปอร์ส ตามลำดับ แต่อัปเดตผลกันหน่อยล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตัน ดันทำได้แค่บุกไปไล่ตีเสมอ วีแกน แอธเลติก 2-2

เรื่องโดย เซียนไก๋