คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
ไมค์ ดิ แอนโทนี อาจกำลังงงตัวเองอยู่ก็ได้ที่ถูกแต่งตั้งแบบฉับพลันให้คุมบังเหียน แอลเอ เลเกอร์ส ทั้งที่ยอดทีมแห่งศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เพิ่งโทรศัพท์สัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์เท่านั้น โดยอดีตโค้ช ฟีนิกซ์ ซันส์ และนิวยอร์ก นิกส์ ได้สัญญา 3 ปี ค่าเหนื่อย 12 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 360 ล้านบาท) กับอ๊อปชั่นต่อสัญญาปีที่ 4 เพื่อทำสานภารกิจที่ ไมค์ บราวน์ ไม่น่าจะทำให้สำเร็จลุล่วงได้
การที่ทีมเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ แต่กลับออกสตาร์ท 1-4 เกม เลวร้ายที่สุดในรอบ 19 ปี ทำให้ชะตาของ บราวน์ ขาดสะบั้น เรียกได้ว่าทำทีมไม่โดนใจ โคบี ไบรอันท์ ผู้เล่นทรงอิทธิพลของแฟรนไชส์ กอปรกับแผนเกมบุกที่ไม่ไหลลื่น "พรินซ์ตัน ออฟเฟน" (Princeton Offense) ซึ่งใช้ความสามารถของตำแหน่งคู่การ์ดและฟอร์เวิร์ด คอยสอดสลับกันส่งบอลและตัดเข้าใน ไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนแผนขยับเกมบุกแบบสามเหลี่ยม "ไทรแองเกิล ออฟเฟน" (Triangle Offense) ที่ ฟิล แจ็คสัน ฝากฝังเอาไว้ ทำให้ จิม บัสส์ ประธานฝ่ายจัดการ ต้องต่อสายหา "บิ๊กฟิล" ให้กลับมาทำงานในถิ่นสเตเปิล เซ็นเตอร์
แต่คุยกันอีท่าไหนมิรู้ เลเกอร์ส แต่งตั้ง ดิ แอนโทนี หน้าตาเฉย ภายหลังมีรายงานว่า แจ็คสัน เรียกร้องมากเกินไปทั้งค่าจ้างซีซันละ 10-15 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 300-450 ล้านบาท) รวมถึงการขอหุ้นย่อยแฟรนไชส์ ซึ่งภายหลังตำนานโค้ชวัย 67 ปี ออกโรงโต้เรื่องนี้ พร้อมยืนยันจ่อตัดสินใจรับงานแล้ว ทว่าตอนเที่ยงคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามวัน-เวลาท้องถิ่น มิทช์ คัพแช็ค ผู้จัดการทั่วไป โทรสายด่วนเข้ามาแจ้งข่าวว่าทีมตัดสินใจเดินหน้าไปกับ ดิ แอนโทนี
ซึ่งการมาของโค้ชวัย 62 ปี น่าจะส่งผลดีกับ เลเกอร์ส ไม่น้อย โดยเฉพาะ สตีฟ แนช การ์ดจอมเก๋าที่ดูไม่เข้ากับแผนของ บราวน์ จริงๆ แต่งานนี้สตาร์แคนาเดียนได้ "พิก แอนด์ โรล" (Pick and Roll) กับ ดไวท์ ฮาวเวิร์ด สนุกเลยทีเดียว เหมือนสมัยโลดแล่นที่ฟีนิกซ์ ซันส์ โดยมี อมาเร สเตาดาไมร์ เป็นคู่หู และอย่าลืมว่า ดิ แอนโทนี เคยนำ "ลูกพระอาทิตย์" ทะลุถึงรอบชิงแชมป์สายตะวันตก 2 ปีซ้อน (2004-2006) ทั้งยังได้โหวตให้เป็นโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีมาแล้ว ขณะที่ แนช เองก็ได้รับเลือกเป็นผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) สองสมัย
ทั้งนี้มีรายงานว่า ดิ แอนโทนี อยากได้ตัว เนต แม็คมิลเลน มาช่วยดูเกมรับ ซึ่งทั้งคู่เป็นสตาฟฟ์โค้ช "ดรีมทีม" สหรัฐอเมริกา ภายใต้การดูภาพรวมโดย "โค้ชเค" ไมค์ ชูเชฟสกี ซึ่งถ้าได้มาจริง เลเกอร์ส จะสามารถขุนเอาจุดเด่นตรงนี้มาเล่นงานคู่แข่งได้ด้วย ในเมื่อมีทั้ง "ซูเปอร์แมน" ฮาวเวิร์ด ที่พร้อมทวงคืนรางวัลผู้เล่นเกมรับยอดเยี่ยมแห่งปีคืนมาจาก ทายสัน แชนด์เลอร์ (นิวยอร์ก นิกส์) และยังมี โคบี กับ เมตตา เวิลด์พีช ที่เด่นเรื่องป้องกันไม่แพ้ใคร เหมือนกับที่ ดิ แอนโทนี เคยมีตัวทีเด็ดเกมรับที่ฟีนิกซ์ชื่อว่า ชอว์น แมเรียน
ส่วนใครที่ห่วงว่า โคบี จะข่มใส่ แอนโทนี เหมือนกับที่ทำกับ บราวน์ ก็สบายใจได้เปราะหนึ่ง เพราะอย่างน้อยชู้ตติ้งการ์ดวัย 33 ปี ครั้งเยาว์วัยตอนอยู่ที่อิตาลี เคยมี ดิ แอนโทนี ที่เล่นอาชีพแดนมะกะโรนีเป็นฮีโร่ ที่สำคัญทั้งคู่สนิทกันทีเดียวครั้งร่วมงานในนามทีมชาติ อย่างไรก็ตาม เกิดอารมณ์ของแม่ทัพพลุ้งพล่านก็แตกหักได้เช่นกัน เนื่องจาก แอนโทนี ไม่ยอมใครง่ายๆ อยู่แล้ว ทำงานร่วมกันไม่ได้ก็แยกทางเอาง่าย เหมือนครั้งอำลามหานครนิวยอร์ก เหตุจากเกาเหลาชามโตกับ คาร์เมโล แอนโธนี
ไมค์ ดิ แอนโทนี อาจกำลังงงตัวเองอยู่ก็ได้ที่ถูกแต่งตั้งแบบฉับพลันให้คุมบังเหียน แอลเอ เลเกอร์ส ทั้งที่ยอดทีมแห่งศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เพิ่งโทรศัพท์สัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์เท่านั้น โดยอดีตโค้ช ฟีนิกซ์ ซันส์ และนิวยอร์ก นิกส์ ได้สัญญา 3 ปี ค่าเหนื่อย 12 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 360 ล้านบาท) กับอ๊อปชั่นต่อสัญญาปีที่ 4 เพื่อทำสานภารกิจที่ ไมค์ บราวน์ ไม่น่าจะทำให้สำเร็จลุล่วงได้
การที่ทีมเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ แต่กลับออกสตาร์ท 1-4 เกม เลวร้ายที่สุดในรอบ 19 ปี ทำให้ชะตาของ บราวน์ ขาดสะบั้น เรียกได้ว่าทำทีมไม่โดนใจ โคบี ไบรอันท์ ผู้เล่นทรงอิทธิพลของแฟรนไชส์ กอปรกับแผนเกมบุกที่ไม่ไหลลื่น "พรินซ์ตัน ออฟเฟน" (Princeton Offense) ซึ่งใช้ความสามารถของตำแหน่งคู่การ์ดและฟอร์เวิร์ด คอยสอดสลับกันส่งบอลและตัดเข้าใน ไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนแผนขยับเกมบุกแบบสามเหลี่ยม "ไทรแองเกิล ออฟเฟน" (Triangle Offense) ที่ ฟิล แจ็คสัน ฝากฝังเอาไว้ ทำให้ จิม บัสส์ ประธานฝ่ายจัดการ ต้องต่อสายหา "บิ๊กฟิล" ให้กลับมาทำงานในถิ่นสเตเปิล เซ็นเตอร์
แต่คุยกันอีท่าไหนมิรู้ เลเกอร์ส แต่งตั้ง ดิ แอนโทนี หน้าตาเฉย ภายหลังมีรายงานว่า แจ็คสัน เรียกร้องมากเกินไปทั้งค่าจ้างซีซันละ 10-15 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 300-450 ล้านบาท) รวมถึงการขอหุ้นย่อยแฟรนไชส์ ซึ่งภายหลังตำนานโค้ชวัย 67 ปี ออกโรงโต้เรื่องนี้ พร้อมยืนยันจ่อตัดสินใจรับงานแล้ว ทว่าตอนเที่ยงคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามวัน-เวลาท้องถิ่น มิทช์ คัพแช็ค ผู้จัดการทั่วไป โทรสายด่วนเข้ามาแจ้งข่าวว่าทีมตัดสินใจเดินหน้าไปกับ ดิ แอนโทนี
ซึ่งการมาของโค้ชวัย 62 ปี น่าจะส่งผลดีกับ เลเกอร์ส ไม่น้อย โดยเฉพาะ สตีฟ แนช การ์ดจอมเก๋าที่ดูไม่เข้ากับแผนของ บราวน์ จริงๆ แต่งานนี้สตาร์แคนาเดียนได้ "พิก แอนด์ โรล" (Pick and Roll) กับ ดไวท์ ฮาวเวิร์ด สนุกเลยทีเดียว เหมือนสมัยโลดแล่นที่ฟีนิกซ์ ซันส์ โดยมี อมาเร สเตาดาไมร์ เป็นคู่หู และอย่าลืมว่า ดิ แอนโทนี เคยนำ "ลูกพระอาทิตย์" ทะลุถึงรอบชิงแชมป์สายตะวันตก 2 ปีซ้อน (2004-2006) ทั้งยังได้โหวตให้เป็นโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีมาแล้ว ขณะที่ แนช เองก็ได้รับเลือกเป็นผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) สองสมัย
ทั้งนี้มีรายงานว่า ดิ แอนโทนี อยากได้ตัว เนต แม็คมิลเลน มาช่วยดูเกมรับ ซึ่งทั้งคู่เป็นสตาฟฟ์โค้ช "ดรีมทีม" สหรัฐอเมริกา ภายใต้การดูภาพรวมโดย "โค้ชเค" ไมค์ ชูเชฟสกี ซึ่งถ้าได้มาจริง เลเกอร์ส จะสามารถขุนเอาจุดเด่นตรงนี้มาเล่นงานคู่แข่งได้ด้วย ในเมื่อมีทั้ง "ซูเปอร์แมน" ฮาวเวิร์ด ที่พร้อมทวงคืนรางวัลผู้เล่นเกมรับยอดเยี่ยมแห่งปีคืนมาจาก ทายสัน แชนด์เลอร์ (นิวยอร์ก นิกส์) และยังมี โคบี กับ เมตตา เวิลด์พีช ที่เด่นเรื่องป้องกันไม่แพ้ใคร เหมือนกับที่ ดิ แอนโทนี เคยมีตัวทีเด็ดเกมรับที่ฟีนิกซ์ชื่อว่า ชอว์น แมเรียน
ส่วนใครที่ห่วงว่า โคบี จะข่มใส่ แอนโทนี เหมือนกับที่ทำกับ บราวน์ ก็สบายใจได้เปราะหนึ่ง เพราะอย่างน้อยชู้ตติ้งการ์ดวัย 33 ปี ครั้งเยาว์วัยตอนอยู่ที่อิตาลี เคยมี ดิ แอนโทนี ที่เล่นอาชีพแดนมะกะโรนีเป็นฮีโร่ ที่สำคัญทั้งคู่สนิทกันทีเดียวครั้งร่วมงานในนามทีมชาติ อย่างไรก็ตาม เกิดอารมณ์ของแม่ทัพพลุ้งพล่านก็แตกหักได้เช่นกัน เนื่องจาก แอนโทนี ไม่ยอมใครง่ายๆ อยู่แล้ว ทำงานร่วมกันไม่ได้ก็แยกทางเอาง่าย เหมือนครั้งอำลามหานครนิวยอร์ก เหตุจากเกาเหลาชามโตกับ คาร์เมโล แอนโธนี
