โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ อดีตมือ 1 ของโลกจาก สวิสเซอร์แลนด์ หวดเอาชนะ ดาบิด เฟร์เรร์ หวดชาวสเปน 2 เซตรวด โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที ตบเท้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ศึกเทนนิส เอทีพี เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2012 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา
ศึกเทนนิสรายการใหญ่ส่งท้ายปีของ เอทีพี ทัวร์ "เอทีพี เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์" ชิงเงินรางวัลรวม 5.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 275 ล้านบาท) ที่สนามโอทู อารีน่า ประเทศอังกฤษ เป็นการแข่งขันแมตซ์ที่สองของกลุ่มบี โดยเป็นการดวลกันระหว่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ ดาบิด เฟร์เรร์
ผลปรากฏว่า เซตแรก โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือ 2 ของโลกชาวสวิส ออกตัวอย่างร้อนแรงด้วยการนำห่าง 3-0 เกม ทว่า ดาบิด เฟร์เรร์ หวดแดนกระทิงดุ ตามตีเสมอเป็น 3-3 อย่างไรก็ตาม แชมป์แกรนด์สแลม 17 สมัย เก็บเบรคพอยท์ในเกมสุดท้าย ก่อนเอาชนะไปด้วยสกอร์ 6-4
เซตที่สอง ทั้งคู่ประลองฝีมือกันอย่างสูสีจนต้องตัดสินในช่วงไทเบรค ก่อน "เฟดเอ็กซ์" จะพิชิต มือวางอันดับ 4 ของรายการแบบสุดมัน 2-0 เซต 6-4 , 7-6 (7-5) เก็บชัยชนะ 2 นัดรวด ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกเป็นคนที่ 2
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่ง ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร นักเทนนิสชาวอาร์เจนไตน์ ต้อน แยนโก ทิปซาเรวิช นักเทนนิสจากเซอร์เบีย แบบไม่เหนื่อยแรง 2 เซตรวด 6-0 และ 6-4 เขี่ย "ทิปซี" ตกรอบแบ่งกลุ่มตาม โจ-วิลเฟร็ด ซองกา ซึ่งรั้งอันดับบ๊วยของกลุ่มเอ
ศึกเทนนิสรายการใหญ่ส่งท้ายปีของ เอทีพี ทัวร์ "เอทีพี เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์" ชิงเงินรางวัลรวม 5.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 275 ล้านบาท) ที่สนามโอทู อารีน่า ประเทศอังกฤษ เป็นการแข่งขันแมตซ์ที่สองของกลุ่มบี โดยเป็นการดวลกันระหว่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ ดาบิด เฟร์เรร์
ผลปรากฏว่า เซตแรก โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือ 2 ของโลกชาวสวิส ออกตัวอย่างร้อนแรงด้วยการนำห่าง 3-0 เกม ทว่า ดาบิด เฟร์เรร์ หวดแดนกระทิงดุ ตามตีเสมอเป็น 3-3 อย่างไรก็ตาม แชมป์แกรนด์สแลม 17 สมัย เก็บเบรคพอยท์ในเกมสุดท้าย ก่อนเอาชนะไปด้วยสกอร์ 6-4
เซตที่สอง ทั้งคู่ประลองฝีมือกันอย่างสูสีจนต้องตัดสินในช่วงไทเบรค ก่อน "เฟดเอ็กซ์" จะพิชิต มือวางอันดับ 4 ของรายการแบบสุดมัน 2-0 เซต 6-4 , 7-6 (7-5) เก็บชัยชนะ 2 นัดรวด ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกเป็นคนที่ 2
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่ง ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร นักเทนนิสชาวอาร์เจนไตน์ ต้อน แยนโก ทิปซาเรวิช นักเทนนิสจากเซอร์เบีย แบบไม่เหนื่อยแรง 2 เซตรวด 6-0 และ 6-4 เขี่ย "ทิปซี" ตกรอบแบ่งกลุ่มตาม โจ-วิลเฟร็ด ซองกา ซึ่งรั้งอันดับบ๊วยของกลุ่มเอ