คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
ดูเหมือนการตัดสินใจของ บรูซ อัลเลน ผู้จัดการทั่วไป และการเห็นดีเห็นงามด้วยของ แดนนี สไนเดอร์ เจ้าของทีมวอชิงตัน เรดสกินส์ ในการเทรดสิทธิดราฟท์กับ เซ็นต์หลุยส์ แรมส์ ขึ้นไปอันดับ 2 เพื่อเลือก โรเบิร์ต กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด มาเป็นควอเตอร์แบ็กแห่งแฟรนไชส์ เป็นความคิดที่ถูกต้อง แม้ต้องเสียสิทธิดราฟท์รอบแรกในปีนี้ ปี 2013-14 เพื่อแลกมาก็ตาม
แม้ ณ ปัจจุบัน “อินเดียนแดง” รั้งบ๊วยกลุ่มมหาโหด เอ็นเอฟซี (NFC) ตะวันออก แต่ประตูเข้าสู่เพลย์ออฟมิได้ปิดเสียทีเดียว ถึงเมื่อท้ายที่สุดแล้ว เรดสกินส์ ไม่ได้ไปต่อในโพสต์ซีซันของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ฤดูกาล 2012/13 ทว่าสิ่งที่ทีมค้นพบแล้ว คือ “จอมทัพแห่งอนาคต” ซึ่ง กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด จะแบกความหวังของแฟรนไชส์ไปอีก 5-10 ปี อยู่ที่ว่า เรดสกินส์ สามารถหาองค์ประกอบในส่วนอื่นๆ มาเพิ่มเติมให้ทีมมีความสมดุลได้มากน้อยแค่ไหน
ด้วยสไตล์การเล่นของ “อาร์จีทรี” ทำให้นึกย้อนไปถึงสมัยที่ ไมเคิล วิค โดดเด่นขึ้นมากับ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ทีเด็ดในการถือบอลวิ่งเองทำระยะเป็นกอบเป็นกำ หลังจบสัปดาห์ที่ 7 ทะลวงไปแล้ว 468 หลา 6 ทัชดาวน์ การขว้างบอลที่แม่นยำระดับ 70 เปอร์เซ็นต์ ได้ระยะไปแล้ว 1,600 หลา 7 ทัชดาวน์ เสียเพียง 3 อินเทอร์เซปต์ ถือเป็นอัตราส่วนที่น่าพึงพอใจ สิ่งที่ต้องติงอย่างเดียว คือ “ฟัมเบิล” เสียเฉลี่ยเกมละหนเลยทีเดียว แต่นี่เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับควอเตอร์แบ็กที่มักเลือกออปชันถือบอลวิ่งเอง
สิ่งที่ กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด ได้ใจแฟนๆ ไปเต็มๆ คือ ลูกอึด ยังไม่ทันผ่านครึ่งทางฤดูกาลปกติ เจออัดจนได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง แต่ยังกัดฟันลงสนามวิ่งทะลวง 138 หลาใส่ มินเนโซตา ไวกิงส์ เมื่อสัปดาห์ที่ 6 ช่วยต้นสังกัดคว้าชัย ปลุกสปิริตของทีมได้น่าดูชม อีกทั้งทัศนคติเด็กหนุ่มวัย 22 ปี ยอดเยี่ยม มีความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นสูงลิบ เหล่านี้เป็นสิ่งที่หาไม่ค่อยเจอในตัวจอมทัพหลายๆ คนที่ผ่านมาของเรดสกินส์ ถ้าไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือฟอร์มร่วงกราวรูด ตำแหน่ง “รุคกี้ ออฟ เดอะ เยียร์” คงมิหนีไปไหน
ตอนนี้อดีตสตาร์มหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ นำพาทีมบุกไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว เกมบุกภาคพื้นดินอยู่อันดับ 1 ลีก ประสานงาน อัลเฟรด มอร์ริส เพื่อนรุคกี้และเหล่ารันนิงแบ็กโกยเฉลี่ยถึง 177.7 หลาต่อเกม เกมกลางอากาศอยู่อันดับกลางๆ ยังขับเคลื่อนกันไปได้ ทว่าสิ่งที่ เรดสกินส์ ต้องปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัด คือ บรรดาแนวต้องปกป้อง กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ การโดนคู่แข่งแซ็คถึง 15 หน เพื่อไม่ให้เกิดโอกาสเสี่ยงควอเตอร์แบ็กความหวังเดี้ยงถึงขั้นคอนคัสชันเหมือนเกมกับ ฟอลคอนส์ ที่สำคัญ “ทีมรับ” ต้องช่วยเหลือด้วย มิใช่ปล่อยให้เสียบิ๊กเพลย์ตรงหลังบ้านบ่อยเกินไป ล่าสุดเกมที่ เรดสกินส์ ปราชัย นิวยอร์ก ไจแอนท์ส 23-27 โดน อีลาย แมนนิง บอมบ์ยาว 77 หลาให้ วิคเตอร์ ครูซ สปีดฉีก 2 ตัวคุมปีกไปรับบอลก่อนฉลองเต้นซัลซ่าท้ายเกม “อาร์จีทรี” อุตส่าห์พาทีมเกือบคัมแบ็กได้แล้วเชียว และเมื่อองค์ประกอบรอบด้านค่อยๆ แต่งเติมให้ดีขึ้นเพียงใด เชื่อเหลือเกินว่าความสามารถของ กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด ก็จะยิ่งเปล่งประกายได้มากขึ้นเท่านั้น
ดูเหมือนการตัดสินใจของ บรูซ อัลเลน ผู้จัดการทั่วไป และการเห็นดีเห็นงามด้วยของ แดนนี สไนเดอร์ เจ้าของทีมวอชิงตัน เรดสกินส์ ในการเทรดสิทธิดราฟท์กับ เซ็นต์หลุยส์ แรมส์ ขึ้นไปอันดับ 2 เพื่อเลือก โรเบิร์ต กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด มาเป็นควอเตอร์แบ็กแห่งแฟรนไชส์ เป็นความคิดที่ถูกต้อง แม้ต้องเสียสิทธิดราฟท์รอบแรกในปีนี้ ปี 2013-14 เพื่อแลกมาก็ตาม
แม้ ณ ปัจจุบัน “อินเดียนแดง” รั้งบ๊วยกลุ่มมหาโหด เอ็นเอฟซี (NFC) ตะวันออก แต่ประตูเข้าสู่เพลย์ออฟมิได้ปิดเสียทีเดียว ถึงเมื่อท้ายที่สุดแล้ว เรดสกินส์ ไม่ได้ไปต่อในโพสต์ซีซันของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ฤดูกาล 2012/13 ทว่าสิ่งที่ทีมค้นพบแล้ว คือ “จอมทัพแห่งอนาคต” ซึ่ง กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด จะแบกความหวังของแฟรนไชส์ไปอีก 5-10 ปี อยู่ที่ว่า เรดสกินส์ สามารถหาองค์ประกอบในส่วนอื่นๆ มาเพิ่มเติมให้ทีมมีความสมดุลได้มากน้อยแค่ไหน
ด้วยสไตล์การเล่นของ “อาร์จีทรี” ทำให้นึกย้อนไปถึงสมัยที่ ไมเคิล วิค โดดเด่นขึ้นมากับ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ทีเด็ดในการถือบอลวิ่งเองทำระยะเป็นกอบเป็นกำ หลังจบสัปดาห์ที่ 7 ทะลวงไปแล้ว 468 หลา 6 ทัชดาวน์ การขว้างบอลที่แม่นยำระดับ 70 เปอร์เซ็นต์ ได้ระยะไปแล้ว 1,600 หลา 7 ทัชดาวน์ เสียเพียง 3 อินเทอร์เซปต์ ถือเป็นอัตราส่วนที่น่าพึงพอใจ สิ่งที่ต้องติงอย่างเดียว คือ “ฟัมเบิล” เสียเฉลี่ยเกมละหนเลยทีเดียว แต่นี่เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับควอเตอร์แบ็กที่มักเลือกออปชันถือบอลวิ่งเอง
สิ่งที่ กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด ได้ใจแฟนๆ ไปเต็มๆ คือ ลูกอึด ยังไม่ทันผ่านครึ่งทางฤดูกาลปกติ เจออัดจนได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง แต่ยังกัดฟันลงสนามวิ่งทะลวง 138 หลาใส่ มินเนโซตา ไวกิงส์ เมื่อสัปดาห์ที่ 6 ช่วยต้นสังกัดคว้าชัย ปลุกสปิริตของทีมได้น่าดูชม อีกทั้งทัศนคติเด็กหนุ่มวัย 22 ปี ยอดเยี่ยม มีความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นสูงลิบ เหล่านี้เป็นสิ่งที่หาไม่ค่อยเจอในตัวจอมทัพหลายๆ คนที่ผ่านมาของเรดสกินส์ ถ้าไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือฟอร์มร่วงกราวรูด ตำแหน่ง “รุคกี้ ออฟ เดอะ เยียร์” คงมิหนีไปไหน
ตอนนี้อดีตสตาร์มหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ นำพาทีมบุกไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว เกมบุกภาคพื้นดินอยู่อันดับ 1 ลีก ประสานงาน อัลเฟรด มอร์ริส เพื่อนรุคกี้และเหล่ารันนิงแบ็กโกยเฉลี่ยถึง 177.7 หลาต่อเกม เกมกลางอากาศอยู่อันดับกลางๆ ยังขับเคลื่อนกันไปได้ ทว่าสิ่งที่ เรดสกินส์ ต้องปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัด คือ บรรดาแนวต้องปกป้อง กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ การโดนคู่แข่งแซ็คถึง 15 หน เพื่อไม่ให้เกิดโอกาสเสี่ยงควอเตอร์แบ็กความหวังเดี้ยงถึงขั้นคอนคัสชันเหมือนเกมกับ ฟอลคอนส์ ที่สำคัญ “ทีมรับ” ต้องช่วยเหลือด้วย มิใช่ปล่อยให้เสียบิ๊กเพลย์ตรงหลังบ้านบ่อยเกินไป ล่าสุดเกมที่ เรดสกินส์ ปราชัย นิวยอร์ก ไจแอนท์ส 23-27 โดน อีลาย แมนนิง บอมบ์ยาว 77 หลาให้ วิคเตอร์ ครูซ สปีดฉีก 2 ตัวคุมปีกไปรับบอลก่อนฉลองเต้นซัลซ่าท้ายเกม “อาร์จีทรี” อุตส่าห์พาทีมเกือบคัมแบ็กได้แล้วเชียว และเมื่อองค์ประกอบรอบด้านค่อยๆ แต่งเติมให้ดีขึ้นเพียงใด เชื่อเหลือเกินว่าความสามารถของ กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด ก็จะยิ่งเปล่งประกายได้มากขึ้นเท่านั้น