นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เป็นคนกำหนดเอง ว่า ไม่ให้หน่วยงานของรัฐมาเป็นผู้ดูแลจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ซึ่ง ฟีฟา อยากให้สมาคมฟุตบอลฯ เป็นผู้ประสานงานเองมากกว่า ด้าน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ในฐานะประธานจัดการแข่งขันมั่นใจทุกอย่างเรียบร้อยดี ยกเครดิตให้ “บังยี” เป็นบุคคลที่ ฟีฟา ให้ความไว้วางใจ จนทำให้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลในครั้ง
หลังจากที่ทาง คณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา (กมธ.ส.ว.กีฬา) ได้ตั้งข้อสังเกตในที่ประชุมว่าเพราะเหตุใด สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถึงมีอำนาจในการจัดตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ แทนที่จะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่มีอำนาจใหญ่กว่า จึงส่งผลกระทบต่อการร่วมมือกันในการทำงาน เพราะหลายฝ่ายในคณะฝ่ายจัดมีตำแหน่งที่สูง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในงานแถลงข่าวการจัดกิจกรรม “ข่าวสด ฟุตซอลโลก 2012” ร่วมเชียร์ฟุตซอลไทยสู้ศึกฟุตซอลโลก ณ สำนักงานใหญ่หนังสือพิมพ์ข่าวสด นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่เดินทางมาร่วมงานได้เผยว่า “ความจริงแล้วทาง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เป็นคนกำหนดเองว่าไม่ให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาเป็นผู้ดูแลจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ซึ่ง ฟีฟา อยากให้สมาคมฟุตบอลฯ เป็นผู้ประสานงานเองมากกว่า”
ประมุขลูกหนังไทย กล่าวอีกว่า “ขณะนี้ ฟีฟา มีความพอใจและไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการก่อสร้างสนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา (หนองจอก) ที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ โดย ฟีฟา มองว่า อีก 3 สนามที่เหลืออยู่ คือ อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก, อาคารนิมิบุตร และสนามโคราช ชาติชาย ฮอลล์ จ.นครราชสีมา ก็เพียงพอกับการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลกในครั้งนี้แล้ว ซึ่งแต่เดิมการก่อสร้างสนามแห่งใหม่นั้น ฟีฟา ต้องการให้สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ หรือ เป็นมรดกให้คนรุ่นหลังได้รับทราบว่าครั้งหนึ่งประเทศไทยก็เคยผ่านการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาแล้ว”
ด้าน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ในฐานะประธานจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก กล่าวว่า “ขณะนี้ภาพรวมของทุกอย่างเรียบร้อยดี ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย ซึ่งฟีฟาได้รับรองทั้ง 3 สนามที่จะใช้แข่งขันแล้ว ยกเว้นสนามหนองจอกฯ ซึ่งเรามีการจัดการและแผนสำรองเตรียมไว้แล้วไม่มีปัญหาใดๆ การได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับโลกในครั้งนี้ถือว่าเป็นรากฐานที่ดีต่อไปในอนาคต ซึ่งอาจต่อยอดไปถึงการจัดฟุตบอลโลก หรือโอลิมปิกเกมส์ ทั้งนี้ตนขอยกเครดิตให้ นายวรวีร์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ ฟีฟา ให้ความเชื่อถือและไว้วางใจ จนทำให้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลในครั้งนี้”