เอเยนซี-เสมอกันไป 2-2 ที่สนาม คัมป์ นู เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์ ลา ลีกา สเปน ฤดูกาลนี้ยังไม่กร่อยเสียทีเดียว เพราะ รีล มาดริด ไม่ได้กลับบ้านมือเปล่ายังคงตามหลัง 8 แต้มเท่าเดิม อย่างไรก็ตามการเจอกันของทั้งคู่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ศึก “เอล กลาซิโก” ธรรมดา แต่บ่งบอกหลายสิ่งหลายอย่างไม่ว่าการแสดงออกอย่างจริงจังด้านการเมืองของเจ้าถิ่น บาร์เซโลนา รวมถึงการลุ้นรางวัล "ฟีฟา บัลลงดอร์" ของ ลิโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด 2 นักเตะที่กินกันไม่ลงว่าใครกันแน่ดีที่สุดในโลก
โรนัลโด และ เมสซี เหมาซัดคนละ 2 ประตูผลัดกันยิงผลัดกันนำจนทั้งสองทีมเสมอกันไป 2-2 ทำให้ บาร์เซโลนา เสียสถิติชนะรวดร้อยเปอร์เซนต์มี 19 คะแนนจาก 7 นัดถูก แอตเลติโก มาดริด ขึ้นมาทาบ ขณะเดียวกัน "แชมป์เก่า" ยังไม่หลุดวงโคจรตามหลัง 8 แต้มเหมือนเดิม เป็นอันว่าศึก ลา ลีกา สเปน ที่เกรงกันว่าจะจบแต่หัววันยังไม่รูดม่าน นอกจากนี้ยังมี มาลากา บินสูงออกสตาร์ทหรูรั้งที่ 3 พร้อมเป็นตัวแปรด้วย
หลังเกม ติโต บิลาโนบา กุนซือ บาร์เซโลนา ที่ฤดูกาลนี้มาสานความยิ่งใหญ่ต่อจาก เป๊ป กวาร์ดิโอลา เผยว่า “การออกสตาร์ทยืนอยู่ตำแหน่งนี้หลังผ่านพ้นไป 7 นัดถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายอมรับอย่างยิ่ง เราคงจะเซ็งถ้าออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง แน่นอนผมพอใจกับผลการแข่งขันวันนี้” ขณะเดียวกับ โชเซ มูรินโญ นายใหญ่ รีล มาดริด กล่าวว่า “สถานการณ์ในลีกยังคงเหมือนเดิมกับก่อนที่จะลงสนาม เราสามารถจะคว้าชัยชนะในเกมนี้ได้ด้วยซ้ำ ผมไม่ค่อยชอบเกมที่ออกมาในรูปแบบนี้นัก แต่คิดว่าเราเล่นกันได้ดีทีเดียว”
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งไฮไลท์คือชาวกาตาลันได้ถือโอกาสใช้ศึก “เอล กลาซิโก” ครั้งนี้เป็นเวทีแสดงออกเรื่องการเมืองอย่างเต็มตัว เพราะต้องการประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากประเทศสเปนจะเห็นได้จากการแปลอักษรโดยใช้สีประจำของธงคือ “แดง-ทอง” รวมถึงธงสีเลือดหมู-น้ำเงินของ บาร์เซโลนา โบกสะบัดตลอดทั้ง 90 นาที ท่ามกลางความจุแฟนบอล 98,000 คนยังมีการชูคำว่า “Independencia” (อิสระ) และ “Esterada” (ธงกาตาลันที่ประดับด้วยดาว) รวมถึงอีกสารพัดป้ายผ้าอย่าง “Freedom for Catalonia” (อิสระของชาวกาตาโลเนีย)
บิลาโนบา ถูกสื่อสัมภาษณ์ถึงการแสดงออกครั้งนี้ของแฟนบอลเจ้าถิ่น โดยตอบว่า “แฟนบอลแสดงออกอย่างสันติอยู่ด้านหลังป้ายผ้าถือเป็นบรรยากาศที่เราได้พบเจออีกครั้งไม่ว่าจะเป็นธงหรือโมเซคล้วนมีให้เห็นเป็นประจำอยู่แล้ว ทว่าหากต้องการพูดเรื่องการเมืองให้ไปคุยที่อื่น เพราะทีมต้องการมีสมาธิกับเกมฟุตบอลและพยายามคว้าชัยในเกม”
สำหรับความบาดหมางจากเหตุการณ์นี้ต้องย้อนอ้างอิงไปภายในปี 1714 ที่ บาร์เซโลนา ล่มสลายระหว่างสงครามสืบราชบัลลังก์สเปนทำให้กาตาโลเนียต้องอยู่ภายใต้การปกครองของ มาดริด โจน ลาปอร์ตาอดีตประธานสโมสร บาร์เซโลนา เคยปลุกระดมเอาไว้ว่า “บาร์ซา คือทีมชาติของกาตาโลเนียและความตั้งใจของประธานก็คืออยากให้เราสู้เพื่อความถูกต้องปัญหาที่เกิดขึ้นภายในต้องให้เรามีสิทธิ์ตัดสินใจในการหาทางออกและเพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิมแบบแผนปัจจุบันนั้นไม่ประสบความสำเร็จ เราต้องการแยกตัวจากยุโรป”
อีกประเด็นก่อนคิกออฟทุกคนยังมองว่าเกมนี้จะเป็นการตัดสินว่าใครจะคว้ารางวัล “ฟีฟา บัลลงดอร์” นักเตะยอดเยี่ยมของโลกประจำปี 2012 เพราะผลงานที่ผ่านมาระหว่าง เมสซี กวาดมาแล้ว 3 ปีติดต่อกันทั้งก่อนและหลังเปลี่ยนชื่อ รวมถึง โรนัลโด ถือว่าสูสีกันมากทั้งระดับชาติและสโมสร ดูเหมือนแข้งค่าตัวแพงที่สุดในโลกจะดูเหลื่อมกว่าเล็กน้อยด้วยตำแหน่งแชมป์ ลา ลีกา สเปน รวมถึงพาทีมชาติโปรตุเกสเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ยูโร 2012 แต่ดาวซัลโวเป็นของแข้งอาร์เจนไตน์ 50 ประตู
แต่เมื่อผลของเกมออกมาเสมอกันไปก็ต้องระวัง “ตาอยู่” อย่าง อิเคร์ คาซิยาส ผู้รักษาประตู รีล มาดริด ดีกรีกัปตันทีมชาติสเปนชุดสร้างประวัติศาสตร์แชมป์ ยูโร 2012 ถือเป็นชาติแรกที่คว้าโทรฟีย์ระดับเมเจอร์ 3 รายการติดต่อกัน รวมถึง อันเดรียส อิเนียสตา กองกลาง บาร์เซโลนา ผู้ปิดทองหลังพระ ล่าสุดเพิ่งได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป จากการโหวตของบรรดาสื่อมวลชนตัดหน้า โรนัลโด มาแล้วในการจับสลาก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ปีนี้
เชื่อว่ารางวัล “ฟีฟา บัลลงดอร์ 2012” จะไม่หลุดโผจาก เมสซี, โรนัลโด, คาซิยาส และ อิเนียสตา อย่างแน่นอน ก็ต้องจับตาดูว่าใครจะได้รับการโหวตมากที่สุดต้นเดือนมกราคมนี้ได้ทราบกันแน่นอน แต่ถ้าเป็นของกองหน้าจาก บาร์ซา ก็จะเป็นคนแรกที่ได้ 4 สมัย (ทั้งในชื่อ บัลลงดอร์ และ ฟีฟา บัลลงดอร์)