ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สำหรับคนที่เป็นแฟนมวยปล้ำของ ดับเบิลยู ดับเบิลยู อี (WWE) นอกจากจะมีนักมวยปล้ำชายรูปร่างกำยำ ออกมาเสิร์ฟความมันด้วยลีลาการปล้ำอันดุเดือดเร้าใจให้ชมกันทุกสัปดาห์แล้ว บรรดาสาวๆนักมวยปล้ำประจำรายการ หรือที่รู้จักกันในนาม ดีวาส์ (Divas) ก็เป็นอีกสีสันที่ขาดไม่ได้ประหนึ่งทานก๋วยเตี๋ยวแต่ไม่ใส่เครื่องปรุง แม้หลายครั้งแฟนๆอาจมองว่า ดีวาส์ เป็นแค่ไม้ประดับวงการ แต่อย่าได้สบประมาทพวกเธอเป็นอันขาด เพราะสาวๆทุกคนต่างพิสูจน์ตัวเองให้แฟนมวยปล้ำเห็นแล้วว่าไม่ได้มีดีแค่โชว์เซ็กซี แต่ยังมีทักษะมวยปล้ำที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้หนุ่มๆจนได้เข็มขัดแชมป์โลก และเป็นที่รักของคนดูมาหลายรายแล้วตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้
1. เซเบิล (เรนา มาร์เล็ตต์ เลสนาร์)
หากถามว่าใครคือผู้ปลุกกระแสมวยปล้ำหญิงของ WWE ให้บูมจนถึงทุกวันนี้ ชื่อของ เซเบิล สาวสวยทรงสเน่ห์จากแจ็คสันวิลล์ ฟลอริดา จะต้องถูกหยิบยกมาเป็นคำตอบโดยไม่ต้องสงสัย โดยหลังอวดโฉมเซ็กซีครั้งแรกในศึกเรสเซิลมาเนีย ครั้งที่ 12 ปี 1996 เซเบิล ก็ทำให้วงการมวยปล้ำของ WWE คึกคักเป็นพิเศษ จนมีหนุ่มๆชาวอเมริกันพร้อมใจกันซื้อตั๋วเข้าไปชมหุ่นสุดเซ็กซีของเธอข้างสนามกันคับคั่ง ส่วนลีลาบนสังเวียนถือว่าใช่ย่อยด้วยทักษะด้านยิมนาสติกที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยเด็ก ทำให้เธอมีกล้ามเนื้อแข็งแรงไม่แพ้ผู้ชายและประเคนท่าม้าตาย เซเบิลบอมบ์ เล่นงานสาวๆทั่วสมาคมจนซิวเข็มขัดแชมป์โลกมาครองได้เป็นครั้งแรกในศึกเซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ ปี 1998 ปัจจุบัน เซเบิล ในวัย 43 ปี เลิกปล้ำไปแล้วตั้งแต่ปี 2004 ก่อนหันมาใช้ชีวิตเป็นคุณแม่ลูกสองให้กับ บร็อค เลสนาร์ สามีนักมวยปล้ำร่วมสมาคมที่ไปปิ๊งปั๊งกันก่อนออกจากวงการ และกลายเป็นต้นแบบให้นักมวยปล้ำหญิงรุ่นใหม่ได้เดินตามรอยเท้าของเธอต่อไป
2. ทริช สตราตัส (แพทริเซีย แอนน์ สตราทิเจียส)
อดีตนางแบบฟิตเนสจากโตรอนโต แคนาดา ทำเอาคนดูหมั่นไส้พอสมควรนับตั้งแต่เปิดตัวเป็นผู้จัดการหญิงของคู่แท็กทีม “ทีแอนด์เอ” ในปี 2000 กับบทบาทสาวอึ๋มสุดแสบที่คอยปั่นหัวหนุ่มๆทั่วสมาคม ก่อนออกมาฉายเดี่ยวเป็นนักมวยปล้ำหญิงของสมาคมและโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถครองเข็มขัดแชมป์หญิงเดี่ยวมาได้ถึง 7 สมัย ด้วยลีลาการปล้ำที่ดุดันและหนักหน่วง เรียกได้ว่าตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา คือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของสาวแสบรายนี้อย่างแท้จริง ก่อนประกาศอำลาวงการในเดือนสิงหาคม ปี 2006 เพื่อหันไปทำหน้าที่เป็นครูสอนโยคะในโรงยิมของตัวเอง และมาปรากฏตัวในรายการของ WWE ตามวาระต่างๆ ซึ่งการอำสังเวียนคราวนั้น ทำเอาหนุ่มๆหลายคนเสียดายพร้อมกับแอบหวังว่า สตราตัส ในวัย 36 ปี จะคืนสังเวียนกลับมาปล้ำแบบเต็มเวลาอีกครั้งในอนาคต
3. ลิตา (เอมี ดูมาส)
“เจ้าหญิงเอ็กซ์ตรีม” คงไม่ใช่คำยกย่องที่เกินเลยสำหรับสาวสวยเจ้าของรอยสักต้นแขนขวาสุดสะพรึงแต่แฝงด้วยความเซ็กซี่ เธอกลายเป็นที่รู้จักของแฟนๆในฐานะผู้จัดการของแท็กทีมสุดฮอต “ฮาร์ดี บอยส์”, คู่ปรับแย่งแชมป์ของ ทริช สตราตัส ช่วงปี 2005 และนักมวยปล้ำหญิงที่มีลีลาผาดโผนที่สุดของสมาคม โดยฉากหนึ่งที่แฟนๆไม่มีวันลืมคือการโชว์ลีลารักสุดสยิวกับ เอดจ์ ซูเปอร์สตาร์เรตอาร์ แฟนหนุ่ม (ในบทบาทและชีวิตจริงตอนนั้น) กลางเวทีเมื่อเดือนมกราคมปี 2006 อย่างไรก็ตาม ฝีมือการปล้ำเข้าข่ายยอดเยี่ยมไม่แพ้ สตราตัส และมีท่าไม้ตายอย่าง ลิตา ซอล์ต (หรือ มูนซอล์ต) ไว้ใช้เผด็จศึกคู่แข่งจนสามารถกระชากเข็มขัดแชมป์มาเหน็บเอว 4 สมัยด้วยกัน ก่อนอำลาสังเวียนไปพร้อมกับน้ำตาของหนุ่มๆทั่วสนาม และผันตัวไปเป็นนักร้องนำของวงพังค์ร็อคอย่าง ลูกาคอร์ ในเวลาต่อมา
4. มาเรีย (มาเรีย หลุยส์ คาเนลลิส)
แรกเริ่มตอนเข้าสมาคม WWE ใหม่ๆในฐานะผู้ชนะเลิศ 5 อันดับแรกของรายการ ดีวาส์ เสิร์ช ปี 2004 แฟนๆค่อนขอดเธอว่าเป็นเพียงแค่ไม้ประดับสมาคมที่มีหน้าที่แต่งตัวเซ็กซี่ออกมาเรียกน้ำลายจากผู้ชมในรายการเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เธอเองก็พยายามพิสูจน์ให้แฟนมวยปล้ำได้เห็นว่าไม่ได้มีดีแค่หน้าตาและรูปร่างเท่านั้น แต่ยังเพียรพยายามฝึกซ้อมมวยปล้ำกับเพื่อนๆหลังฉากอยู่เป็นประจำ จนสามารถก้าวขึ้นสังเวียนในฐานะนักมวยปล้ำหญิงได้อย่างเต็มภาคภูมิ สยบคำสบประมาทและกลายเป็นที่รักของคนดูไม่แพ้ ทริช สตราตัส กับ ลิตา เลยทีเดียว ถึงไม่ได้แชมป์ติดมือก็ตาม ปัจจุบันถึงจะหมดสัญญาปล้ำกับ WWE ไปแล้วตั้งแต่ปี 2010 แต่ก็ยังตระเวนบินไปโชว์ลีลามวยปล้ำตามสมาคมอิสระต่างๆอย่างต่อเนื่อง แม้ค่าจ้างต่อโชว์จะได้เพียง 100 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3 พันบาท) แต่เธอก็ไม่แคร์และเลือกที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองรักต่อไป
5. เคลลี เคลลี (บาร์บารา จีน แบลงค์)
ซูเปอร์สตาร์ขวัญใจหนุ่มๆคนล่าสุดของ WWE เส้นทางเริ่มต้นคล้ายกับ มาเรีย เปิดตัวครั้งแรกในศึกอีซีดับเบิลยู (ECW) ปี 2006 เวลานั้น เคลลี มีหน้าที่เปลื้องผ้าโชว์หน้าอกหน้าใจและความน่ารักปนเซ็กซี เรียกเรตติ้งให้กับสมาคมและน้ำลายจากคนดูทุกสัปดาห์เท่านั้น แต่เมื่อย้ายมาอยู่รายการใหญ่อย่าง รอว์ (RAW) เธอก็พยายามเดินตามรอยเท้าของ มาเรีย ด้วยการฝึกมวยปล้ำอย่างหนักเพื่อไม่ให้ใครๆมองว่าเธอเป็นเพียงไม้ประดับวงการ จนสามารถคว้าเข็มขัดแชมป์หญิงดีวาส์ (หรือเข็มขัดแชมป์โลกหญิงในอดีต) เมื่อปี 2011 แม้ทักษะมวยปล้ำอาจยังไม่แข็งแรงเหมือนกับรุ่นพี่คนอื่น แต่ตราบใดที่สมาคมยังส่งเธอขึ้นสังเวียนอย่างต่อเนื่อง เชื่อขนมกินได้เลยว่า สาวสวยจากแจ็คสันวิลล์ ฟลอริดา จะพัฒนาฝีมือการปล้ำและหยิบเข็มขัดแชมป์ได้มากกว่า 1 สมัย อย่างแน่นอน
เรื่องโดย : วัลลภ สวัสดี