เรียกได้ว่าลุ้นกันสุดเลยทีเดียวสำหรับบรรยกาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลายคนก็ลุ้นอยู่ว่าจะแตะ 1,300 จุดเมื่อไร หลังเฟดประกาศใช้มาตรการ QE3 ทำให้การลงทุนหุ้นและทองคำคึกคัก เอาเป็นว่านักลงทุนก็อย่าลืมกันปัญหาหนี้เสียของยุโรปยังอยู่และไม่รู้ว่าปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายได้จริงๆเมื่อไร
สำหรับคอลัมน์เจาะพอร์ตคนดังวันนี้จะพาไปรู้จัก คุณ"สลิลลา อติการบดี หรือพี่ก้อย"กรรมการ บริษัท สลิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือเจ้าของโรงแรม สลิล โฮเทลทั้ง 3 แห่ง ได้แก่โรงแรมสลิล โฮเทล เป็นบูติคโฮเทล ซึ่งปัจจุบันมี 2 แห่ง 1.สลิล โฮเทล สุขุมวิท 8 และ 2.สลิล โฮเทล สุขุมวิท ซอยทองหล่อ 1 โดยเร็วๆนี้ จะเปิดแห่งใหม่ เป็นสาขาที่ 3 สลิล โฮเทล สุขุมวิท 11 ซึ่งหลายท่านในแวดวงบลจ.น่าจะคุ้นหูคุ้นตากับพี่ก้อยเป็นอย่างดี
โดยก่อนหน้านี้พี่ก้อย เคยทำงานอยู่ที่ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สหวิริยา ด้านสินเชื่อ และลาออกไปเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ และกลับมาทำงานที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จากนั้นก็ไปทำที่ซิตี้แบงค์ และกลับมาทำที่บลจ.บัวหลวงอีกครั้งโดยตำแหน่งสุดท้ายของที่นี่คือผู้อำนวยการ ฝ่ายจัดการกองทุน
เชื่อว่าหลายคนอยากจะรู้เทคนิคการออมเงินของผู้ค่ำวอดในแวดวงการลงทุนกันแล้ว โดยคุณก้อย เล่าว่า การเก็บเงินของตัวเองนั้นจะแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆโดส่วนแรกนั้นจะเอาไว้ใช้โดยเฉพาะ ส่วนที่สองคือออมเงิน และส่วนที่สามคือการลงทุน ซึ่งลงทุนนั้นจะเป็นการต่อยอดธุรกิจโรงแรมที่ทำอยู่ โดยจะเอาไว้ทำโปรเจคต่อไปของธุรกิจ ซึ่งหากมีทำเลดีๆก็จะลงทุนทำโรงแรมใหม่
ในส่วนการออมเงินนั้นจะเน้นกระจายการลงทุนหลายรูปแบบโดยส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในกองทุนเป็นหลักซึ่งจะมีทั้งหุ้น พันธบัตร ทองคำ เงินฝาก สลากออมสิน และประกันชีวิต เป็นต้น ทางด้านการจัดการภาษีนั้นก็จะใช้พวกกองทุนLTF-RMF ซื้อประกันและบริจาคเงินเพื่อนำไปลดหย่อนภาษี
นอกจากนี้พี่ก้อยยังวางแผนการเก็บออมเงินไว้ให้ลูกด้วยเช่นกัน ซึ่งจะแบ่งเก็บทุกเดือนๆโดยพี่ก้อยและสามีจะสมทบกันคนละส่วน และตอนที่ลูกๆจะเกิดญาติพี่น้องลุง ป้า น้า อา ก็จะมีให้ของขวัญให้หลานๆในส่วนนี้พี่ก้อยก็จะเก็บออมไว้ให้เขาด้วยในอนาคต
สำหรับบทบาทการทำงานที่ผันจากผู้จัดการกองทุนที่ดูแลลูกน้องไม่กี่คน คอยดูการเทรดหุ้น หรือจะลงทุนตัวไหนดี พอแต่งงานแล้วก็ลาออกมาดูและธุรกิจโรงแรมที่เจาะลึกเฉพาะอุตสหกรรมเพียงอย่างเดียว การทำงานก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งในส่วนของผู้จัดการกองทุนนั้นเราต้องดูแลพอร์ตการลงทุนมีลูกน้องไม่เท่าไร พอเปลี่ยนมาบริหารโรงแรมสิ่งแรกที่ต้องมาดูแลคือการบริหารจัดการคนที่มากขึ้น ดูแลส่วนอื่นๆของธุรกิจโรงแรม รวมถึงการคิดต่อยอดหาทำเลดีๆในการลงทุน
พี่ก้อย เล่าต่อว่า ในส่วนเศรษฐกิจนั้นพี่มองในฐานะคนทำธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยว เมื่อเศรษฐกิจในยุโรปยังมีปัญหาส่งผลให้นักท่องเที่ยวยุโรปเดินทางมาไทยน้อยลง พี่ก็ต้องเบนเข็มไปทำการตลาดกับทวีปอื่นมากขึ้น ซึ่งก็จะเน้นในโซนเอเชีย อเมริกา และออสเตรเรียแทนโดยเอเชียนั้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเข้ามาในเที่ยวไทยอยู่แล้วเนื่องจากเป็นประเทศที่ใกล้ๆ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯก็มีเช่นกันแม้ประเทศเขาจะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจบ้างแต่ก็ไม่ได้มากเหมือนกับยุโรป
"ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอิงกับความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก หากไทยไม่มีปัญหาเรื่องการเมืองนักท่องเที่ยวก็จะเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ส่วนปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจนั้นจะกระทบน้อยมากหากเทียบกับความมั่นคงในประเทศ"
แม้ว่าบทบาทในหน้าที่การงานคือการเป็นผู้บริหารโรงแรม แต่อีกหนึ่งบทบาทที่พี่้ก้อยเป็นอยู่และมีความสุขที่สุดคือ การเป็นคุณแม่ลูกสองและการดูแลครอบครัว ซึ่งแน่นอว่าในแต่ละบทบาทก็จะมีความเครียดเหมือนกัน โดยพี่ก้อย บอกว่า เวลาที่พี่เครียดๆก็จะเล่นกับลูกๆ ไปเที่ยวข้างนอกบ้าง ซึ่งพอเวลาเล่นกับลูกๆก็จะลืมความเครียด นอกจากนี้พี่ก็จะอ่านหนังสือธรรมะบ้าง สวดมนต์บ้าง ซึ่งก็ช่วยกำจัดความเครียดไปได้มากและทำให้เราสบายใจมากขึ้น
สำหรับเทคนิคการลงทุนที่พี่ก้อยทิ้งท้ายนั้นก็คือ ต้องดูก่อนว่านักลงทุนแต่ละคนนั้นรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และมีการกระจายการลงทุนอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่นตัวพี่เองถ้าหากมี 100 พี่ก็จะลงทุนในหุ้นประมาณ 20-30% ส่วนที่เหลือก็จะกระจายไปลงทุนในทองคำและ พันธบัตรที่ถือยาวได้เช่นกัน