เชื่อว่าหลายคนกำลังจดจ่อกับข่าวดีทั้งหลายที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะมาตรการ QE3 ของฝั่งสหรัฐฯ ส่วนเรื่องหนี้เสียของยูโรอาจจะต้องรอความชัดเจนต่อไป แม้การจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นหลายคนมองว่าเป็นการถ่วงเวลา ซึ่งหากระเบิดนี้ประทุขึ้นเมื่อไรเชื่อว่านักลงทุนทั่วโลกคงเอามือกุมขมับกันแน่นอน
มาถึงเรื่องราวการออมเงินกันบ้างวันนี้คอลัมน์เจาะพอร์ตคนดังจะพาไปรู้จัก ตั้ม -ดนู สิงหเสนี PJ คลื่น COOL 93 Fahrenheit ซึ่งหลายคนจะคุ้นเสียงของเขาในช่วงเวลา 06.00 - 09.00 น.ของทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ นอกจากนี้ยังมีผลงานให้เราได้เห็นไม่ว่าจะเป็นโฆษณา พิธีกรรายการและพิธีกรงานอีเว้นท์ และล่าสุดก็มีซีรีย์โฆษณาของโอเรียนทอล พริ้นเซส ขณะเดียวกัน PJตั๋มยังทำธุรกิจส่วนตัวร้านไอศครีม "Sweet Therapy" ควบคู่ไปด้วยเช่นกัน
เกริ่นกันมาขนาดนี้หลายคนอยากจะรู้จักวิธีการจัดสรรเงินออมของคนดังของเราวันนี้ เริ่มกันที่การจัดเก็บรายได้ที่เข้ามา PJ ตั้ม บอกกับเราว่า สไตล์การเก็บเงินของเขานั้นจะแบ่งเงินออกเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกคือหักไปเป็นเงินออม อีก 3 ส่วนที่เหลือก็จะเป็นค่าใช้จ่าย เช่นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น
"ผมมีหลักการอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าเราเอารายได้มาลบค่าใช้จ่าย ที่เหลือเป็นเงินออม และอีกแบบหนึ่งคือการเอารายได้มาลบเงินออม ที่เหลือคือค่าใช้จ่าย ถามว่าส่วนไหนจะมีเงินออมมากกว่ากัน โดยส่วนตัวชอบแบบสมการที่สองมากกว่า เพราะเราสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้และมีเงินเก็บออมตามเป้าหมายที่เราวางไว้"
โดยการต่อยอดเงินเก็บนั้น PJ ตั้ม จะกระจายเงินไปในหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น เงินฝากประจำที่มีอายุไม่นานและไม่เกิน 1 ปี ลงทุนหุ้นกู้เอกชนอายุประมาณ 3-5 ปี โดยหลักการเลือกหุ้นกู้นั้นก็ต้องเลือกบริษัทที่น่าเชื่อและมีการจัดอยู่ในอันดับเรตติ้งที่ดี นอกจากนี้จะกระจายการลงทุนในไปยังกองทุนรวมประหยัดภาษี LTF-RMFด้วยเช่น และที่สำคัญยังเลือกซื้อประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุอีกด้วย
สำหรับเป้าหมายถัดไปของ PJ ตั้ม นั้นก็คือ การลงทุนทำธุรกิจเพิ่ม ซึ่จะต้องดูก่อนว่าทำอะไร อาจจะต่อยอดจากธุรกิจไอศครีมที่ทำไว้ หรืออาจจะฉีกแนวไปทำธุรกิจอย่างอื่น แต่ส่วนตัวมองว่าการทำธุรกิจนั้นหากเราทำในสิ่งที่เรารักและชอบ เราจะทำธุรกิจออกมาได้ดีและมีความสุข
PJ ตั้ม ทิ้งท้ายว่า ก่อนที่เราจะเริ่มออมเงินเราควรจะมีเป้าหมายในการออมเงิน เมื่อรู้แล้วก็ต้องมาต่อยอดการออมเงินด้วยการกระจายรูปแบบการออมเพื่อให้เงินที่ออมงอกเงยและเพิ่มมูลค่า นอกจากการแช่เงินไว้ในบัญชีเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้เราจะต้องรู้จักประมาณตนและรู้จำนวนเงินในกระเป๋า หลายคนอาจจะชื่นชอบความสะดวกสบายในการใช้บัตรเครดิต แต่ปัญหาจะเกิดก็ต่อเมื่อเรามีหลายใบ เหมือนเป็นการเอาเงินในอนาคตมาใช้ จึงอยากให้หันมาใช้เงินสดในการใช้จ่าย ส่วนบัตรเครดิตก็ควรจะมีเพียงใบเดียว เพื่อง่ายต่อการจัดสรรหนี้ของเรา ขณะเดียวกันการทำบัญชีรายรับรายจ่ายก็สำคัญ ซึ่งเราจะเห็นเลยว่าเงินที่ใช้จ่ายในแต่ละวันหมดไปกับตรงไหนด้วยเช่นกัน
"สิ่งที่ผมอยากแนะนำการออมเงินคือ อยากให้เคลียร์หนี้โดยเฉพาะบัตรเครดิต อยากให้หันมาใช้เงินสด ถ้าหากเรามีหนี้น้อยเมื่อไรเงินออมก็จะมากขึ้น สิ่งที่ควรจะต่อจากนั้นก็คือ การนำเงินออมมาต่อยอด ซึ่งหลายคนก็มองหาช่องทางในการต่อยอดเช่น ซื้อกองทุนรวม ซื้อประกัน ลงทุนในพันธบัตร หรือการลงทุนในรูปแบบอื่นๆซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะรับความเสี่ยงจากการต่อยอดเงินออมได้มากแค่ไหน"