ช่วงที่ผ่านมาหลายท่านอาจจะถามหา"คอลมน์เจาะพอร์ตคนดัง"ว่าหายหน้าหายตาไปไหน ก่อนอื่นทีมงานต้องขอแจ้งกับผู้อ่านก่อนว่า คอลัมน์เจาะพอร์ตคนดังจะมาพบกับท่านผู้อ่านเดือนละสองครั้ง เช่นเดียวกันกับในเว็บไซต์ ASTVผู้จัดการ ซึ่งหากใครต้องการชมภาพพร้อมคลิปของเหล่าดาราเซเลบและผู้บริหารที่จะมาให้คำแนะนำการบริหารจัดการเงินตามสไตล์แต่ละคนก็เข้าไปชมได้ใน www.manager.co.th
คอลัมน์เจาะพอร์ตคนดังวันนี้จะไปรู้จัก น้องไอซ์-พิลาสินี พิชัยกุลวรสิริ สาวสวยที่ไม่ได้มีดีที่หน้าเพียงเท่านั้น แต่ยังมีกึ๋นในด้านการเก็บออมเงินและการต่อยอดธุรกิจก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
น้องไอซ์เล่าว่า งานในวงการบันเทิงที่ตอนนี้ทำอยู่ก็คือพิธีกรรายการช่อง อาลัวร์ชาแนล และช่อง Zaa Network ซึ่งเร็วๆนี้จะมีภาพยนต์เรื่องใหม่ซึ่งบทบาทอาจจะดูเซ็กซี่กว่าเดิม โดยก่อนหน้านี้ไอซ์เคยเล่นภาพยนต์เรื่อง Art Idol อยากให้เธอรู้ว่ากูติสท์ มีถ่ายโฆษณาและแฟชั่นมาบ้างแล้ว หลายคนจะมองว่าไอซ์ดูเซ็กซี่ แต่จริงแล้วๆตัวตนไอซ์ไม่ได้เหมือนภาพที่ออกไปแต่ด้วยสคลิปและการแสดงทำให้ภาพลักษณ์ออกมาเป็นแบบนั้น
แต่ใครเลยจะรู้ว่าลุคเซ็กซี่แบบนี้ น้องไอซ์ เป็นคนธรรมธรรโมมาก เธอบอกกับเราว่า เวลาว่างไอซ์จะเข้าวัดเพื่อไปปฎิบัติธรรมประมาณ 6-7 วัน สวดมนต์ไหว้พระ หรือสนทนาธรรมกับผู้ใหญ่ที่นับถือ เวลาเครียดก็จะสวดมนต์นั่งสมาธิ ซึ่งก็ช่วยให้ไอซ์หายเครียดได้
สำหรับวิธีการจัดสรรรายได้ที่เข้ามานั้น น้องไอซ์ จะแบ่งเงินออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆกัน โดยส่วนแรกจะเก็บออมไว้เป็นเงินฝากประจำ ส่วนที่สองก็จะเอาใว้ใช้ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่ารถ และส่วนที่ 3 จะเอาไว้ให้คุณแม่บริหารจัดการดูแลค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ส่วนสุดท้ายเอาไว้ใช้จ่ายดูแลตัวเองเช่น เสื้อผ้า หน้า ผม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะการเป็นดารานักแสดงต้องหมั่นดูแลตัวเอง
"การออมของไอซ์นอกจากจะฝากประจำเเล้ว ยังมีการแบ่งเงินออกไปลงทุนในกองทุนรวม LTF- RMF รวมถึงการทำประกันชีวิต ซึ่งนอกจากจะเป็นการเก็บออมแล้วยังช่วยลดภาษีด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ไอซ์ยังชอบทำบุญ บริจาคสิ่งของ ซึ่งทางองค์กรที่ไอซ์ทำบุญด้วยก็จะมีใบเสร็จรับเงินที่สามารถเอาไปลดหย่อนภาษีอีกด้วย"
นอกจากนี้ไอซ์และที่บ้านยังทำธุรกิจส่วนตัวอีกหลายอย่าง ได้แก่ อพาร์ทเม้นท์ ในจังหวัดสมุดสาคร ซึ่งธุรกิจนี้แม่เป็นคนลงทุนให้ 1 ตึกประมาณ 20 ห้อง ผู้เช่าส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานค่าเช่าประมาณ 1,800 บาท ไอซ์มีพี่น้อง 3 คนซึ่งคุณแม่ก็ทำไว้ 3 ตึกให้บริหารจัดการกันเอง ส่วนพื้นที่เหลือก็ทำที่จอดรถให้กับพวกผู้บริหารโรงงานประมาณ 20-25 คันด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันก็ลงทุนทำร้านอาหารให้คุณแม่ด้วย เพราะแม่มีฝีมือในการทำอาหาร โดยเฉพาะผัดไท ซึ่่งหลายๆคนที่เคยชิมอาหารก็บอกให้แม่เปิดร้าน และด้วยคุณแม่เป็นคนอยู่ไม่นิ่งชอบทำโน้นทำนี่ไอซ์เลยลงทุนเปิดร้านให้คุณแม่
ขณะเดียวกันไอซ์ก็ได้ร่วมหุ้นกับพี่ดีเจในค่ายทำผับแอนด์เรสเตอรองชื่อร้าน DIY อยู่ข้างตึกจัสมิน ถนนแจ้งวัฒนะ โดยการตบแต่งจะเป็นสไตล์โรงรถ คาดว่าสิ้นเดือนนี้ก็จะเปิดบริการได้ นอกจากนี้ไอซ์อยากไปเรียนนวดแผนไทย เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบนวดเวลาว่างๆและ อยากจะเปิดร้านนวดเป็นของเอง ซึ่งไอซ์ก็ศึกษามาว่าถ้าจะเปิดจะต้องมีใบรับรองวิชาชีพ โดยแพลนไว้ว่าจะไปเรียนนวดแผนไทยที่วัดโพธิ์อีกด้วย สำหรับโปรเจคต่อไปไอซ์อยากจะเปิดร้านขายอาหารและเบเกอรี่ให้กับน้องสาว ซึ่งน้องเรียนด้านคหกรรมศาสตร์มาก็อยากให้เขาได้ใช้วิชาที่เรียนมาทำในสิ่งที่เขาชอบ
"การที่ไอซ์จะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ไอซ์จะต้องศึกษาธุรกิจนั้นให้รอบครอบ และรู้จริง ต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง เช่นหากจะเปิดร้านนวดแผนไทย ไอซ์ก็ต้องไปฝึกนวด ต้องทำเองให้เป็นทุกอย่างเรียนรู้ตั้งแต่การเป็นลูกจ้างจนถึงการบริหาร เราจะได้รู้ว่าลูกจ้างเราทำพลาดที่ตรงไหน เราจะต้องแก้ปัญหาอย่างไร เราก็จะได้ทั้งมุมมองการบริหารและการจัดการ"
สุดท้ายน้องไอซ์ บอกว่า เศรษฐกิจตอนนี้ก็ยังมีความไม่แน่นอนสูง ขณะเดียวกันอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะมีการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือผู้ประกอบการก็ต้องมีการปรับตัว การลงทุนก็มีความเสี่ยงเช่นกัน สำหรับเทคนิคการออมเงินที่ไอซ์อยากจะแนะนำคือลดการใช้บัตรเครดิต ใช้จ่ายเงินสดให้มากขึ้น พร้อมทั้งมองหาวิธีทำเงินเก็บให้งอกเงยและที่สำคัญที่สุดคืออยากให้รักเงินเสมือนคู่รักของเรา ที่เราจะดูแลเขาให้ดีที่สุด