คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
ศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ประเด็นร้อนฉ่าไม่ใช่ความบ้อท่าของทีมเต็งอย่าง กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส หรือ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ที่สตาร์ทด้วยสถิติชนะ 1 แพ้ 2 หรือว่าเรื่องบาปกรรมมีจริง คดีตั้งค่าหัวคู่แข่งส่งผลกระทบต่อ "นักบุญ" นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส ทำให้ออกตัวฤดูกาล 2012/13 ด้วยความพ่ายแพ้ทั้ง 3 เกม แต่ที่เป็นกระแสทุกวันนี้เห็นจะหนีไม่พ้นการทำหน้าที่ของ "กรรมการสำรอง" ซึ่งขึ้นมาทำหน้าที่แทน "กรรมการตัวจริง" และมีข้อผิดพลาดมากขึ้นเป็นลำดับ งานนี้ ดรูว์ บรีส์ ควอเตอร์แบ็กซูเปอร์สตาร์ที่มีชื่ออยู่ในคณะกรรมการสหภาพผู้เล่นอาชีพ (NFLPA) ต้องออกมาเรียกร้องให้บรรดาเจ้าของทีม และประธานลีกอย่าง โรเจอร์ กูเดลล์ เร่งเจรจาสหภาพผู้ตัดสินเพื่อปลด "ล็อกเอาท์" เสียที หลังจากสัญญาเดิมหมดไปตั้งแต่มิถุนายนที่ผ่านมา ทว่าเรื่องผลประโยชน์ย่อมไม่เข้าใครออกใคร การขอรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าชดเชยต่างๆ เพิ่มจากเดิม 5-11 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญเรื่องเงินบำนาญ ซึ่งกลายเป็นว่า NFL สวมบทเขี้ยวลากดินอิดออดที่จะไม่จ่ายให้ดังเดิม (กองทุน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยจะพิจารณาตามมูลค่าของตลาดหุ้น ณ เวลานั้น
ทำให้ NFL ต้องไปจ้างผู้ตัดสินจากลีกระดับคอลเลจ ไฮสคูล หรือแม้แต่ "ลอนเจอรี โบว์ล" (ลีกชุดชั้นใน) ยังอุตส่าห์เอามาตัดสินเกมอาชีพ งานนี้อัตราค่าจ้างแบ่งเป็นพวกกรรมการรุคกี้และมีประสบการณ์ 1 ปี รับไปคนละ 2.85 แสนเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8.5 ล้านบาท) ปีสองรับอยู่ที่ 3.6 แสนเหรียญฯ (10.8 ล้านบาท) ไปจนถึงประสบการณ์ 8-10 ปี รับที่เรต 7.2 แสนเหรียญฯ (21.6 ล้านบาท) ถือว่าแบ่งเบาภาระรายจ่ายลีกได้พอสมควร ในเมื่อต้องจ่ายให้กรรมการตัวจริง 9 แสนเหรียญฯ (ราว 27 ล้านบาท) ซึ่งช่วงพรีซีซัน กูเดลล์ ออกโรงชมการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินสำรอง ทั้งยังปลื้มที่เห็น แชนนอน เอสติน กรรมการหญิงลงทำหน้าที่ในตำแหน่ง "ไลน์ จัดจ์"
อย่างไรก็ตาม เมื่อฤดูกาลปกติเปิดฉากขึ้น ความเร็ว ความหนักหน่วง รวมทั้งความกดดันรอบข้าง ทำให้ความผิดพลาดของผู้ตัดสินเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ความแม่นกฎของกรรมการสำรองยังไม่แน่นพอ การปล่อยให้หัวหน้าโค้ช "ชาลเลนจ์" ทั้งที่ใช้เวลานอกหมดแล้ว 3 หน หรือว่า ตำแหน่งการวางลูกบอลที่ผิดระยะ จังหวะการตัดสินว่าเป็นการทำผิดกติกาหรือไม่ยังดูค้านสายตาในบางจังหวะ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม บิลล์ บีลิชิก เฮดโค้ชจอมเขี้ยวของ "นักรบกู้ชาติ" แพทริออตส์ ถึงวิ่งลงไปในสนามเพื่อเหนี่ยวแขนกรรมการมาถามไถ่ ว่าลูกทีมของเขาเสียโทษรบกวนปีกได้อย่างไร นำมาซึ่งฟิลด์โกลนำชัยของ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ นอกจากนี้สัปดาห์ที่ 3 คู่ของ ดีทรอยต์ ไลออนส์ กับ เทนเนสซี ไตตันส์ ก็มั่วซั่วน่าดู โดยเฉพาะจังหวะเป่าฟาล์วรุนแรง อัตราโทษคือโดนปรับ 15 หลา อันที่จริงต้องนำบอลไปตั้งที่เส้น 41 หลาหน้าบ้านไลออนส์ เพราะตอน เจ็ค ล็อคเกอร์ สแน็ปบอลอยู่ที่เส้น 44 ฝั่งไตตันส์ แต่ผู้ตัดสินนำบอลไปตั้งเส้น 29 ฟากทีมเยือนเสียอย่างนั้น เท่ากับว่าโทษดังกล่าวปรับถึง 27 หลา
มาล่าสุดในศึกมันเดย์ไนท์ งานนี้ แพ็คเกอร์ส รับเคราะห์โดนปล้นชัยไปเต็มๆ ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 8 วินาที รัสเซล วิลสัน ถอยลงมาปักหลักบริเวณเส้น 40 หลา ก่อนขว้างเฮลแมรีไปมุมเอ็นด์โซนให้เพื่อนกระโดดแย่งบอล ซึ่งกองหลัง "แพ็คส์แมน" โผขึ้นไปเด่นชัด 4 คนโดยเฉพาะ เอ็ม.ดี.เจนกินส์ ที่ยืนยันว่าตัวเองคว้าบอลมาครองได้แล้ว เพียงแต่จังหวะหล่นลงมาโดน โกลเดน เทต สอดมือเข้ามายื้อแย่ง ซึ่งกรรมการบ้าจี้ตามเสียงเชียร์ชูมือส่งสัญญาณทัชดาวน์ ทำให้แฟนๆ "หัวเนยแข็ง" เซ็งไปตามกัน
นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะยิ่งกระแสความผิดพลาดออกมาไม่เว้นแต่ละวีค การทำหน้าที่ของกรรมการสำรองย่อมถูกจับจ้องขึ้นเป็นลำดับ นำมาสู่ความกดดันที่จะส่งผลต่ออนาคตการเข้ารอบของหลายทีมได้เลย ที่สำคัญนโยบายที่ NFL มุ่งดูแลความปลอดภัยของผู้เล่นในสนามจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อผู้ตัดสินเหล่านี้ไม่ทันเกม บรรดาทีมรับย่อมต้องการลองดีเล่นนอกเกม หรือเล่นรุนแรงเกินกว่าเหตุในจังหวะคาบเกี่ยว ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วเมื่อ แมตต์ ช็อบ ควอเตอร์แบ็ก ฮุสตัน เท็กแซนส์ เสียชิ้นเนื้อบางส่วนบริเวณปลายหูไป จากการโดน โจ เมย์ส ไลน์แบ็กเกอร์ขาโหด เดนเวอร์ บรองโกส์ โถมอัดหนักจนหมวกกันน็อคกระเด็น ที่สุดแล้วเมื่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งแฟนๆ สื่อมวลชน หรือแม้แต่ผู้เล่นเองดังขึ้นๆ กูเดลล์ กับเหล่าเจ้าของทีมจอมเขี้ยวยังทำเป็นหูทวนลมไปได้ เกรงว่าศึกคนชนคนฤดูกาลนี้ดีกรีความเข้มข้นคงจืดไปจากเดิมไม่มากก็น้อย
ศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ประเด็นร้อนฉ่าไม่ใช่ความบ้อท่าของทีมเต็งอย่าง กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส หรือ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ที่สตาร์ทด้วยสถิติชนะ 1 แพ้ 2 หรือว่าเรื่องบาปกรรมมีจริง คดีตั้งค่าหัวคู่แข่งส่งผลกระทบต่อ "นักบุญ" นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส ทำให้ออกตัวฤดูกาล 2012/13 ด้วยความพ่ายแพ้ทั้ง 3 เกม แต่ที่เป็นกระแสทุกวันนี้เห็นจะหนีไม่พ้นการทำหน้าที่ของ "กรรมการสำรอง" ซึ่งขึ้นมาทำหน้าที่แทน "กรรมการตัวจริง" และมีข้อผิดพลาดมากขึ้นเป็นลำดับ งานนี้ ดรูว์ บรีส์ ควอเตอร์แบ็กซูเปอร์สตาร์ที่มีชื่ออยู่ในคณะกรรมการสหภาพผู้เล่นอาชีพ (NFLPA) ต้องออกมาเรียกร้องให้บรรดาเจ้าของทีม และประธานลีกอย่าง โรเจอร์ กูเดลล์ เร่งเจรจาสหภาพผู้ตัดสินเพื่อปลด "ล็อกเอาท์" เสียที หลังจากสัญญาเดิมหมดไปตั้งแต่มิถุนายนที่ผ่านมา ทว่าเรื่องผลประโยชน์ย่อมไม่เข้าใครออกใคร การขอรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าชดเชยต่างๆ เพิ่มจากเดิม 5-11 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญเรื่องเงินบำนาญ ซึ่งกลายเป็นว่า NFL สวมบทเขี้ยวลากดินอิดออดที่จะไม่จ่ายให้ดังเดิม (กองทุน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยจะพิจารณาตามมูลค่าของตลาดหุ้น ณ เวลานั้น
ทำให้ NFL ต้องไปจ้างผู้ตัดสินจากลีกระดับคอลเลจ ไฮสคูล หรือแม้แต่ "ลอนเจอรี โบว์ล" (ลีกชุดชั้นใน) ยังอุตส่าห์เอามาตัดสินเกมอาชีพ งานนี้อัตราค่าจ้างแบ่งเป็นพวกกรรมการรุคกี้และมีประสบการณ์ 1 ปี รับไปคนละ 2.85 แสนเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8.5 ล้านบาท) ปีสองรับอยู่ที่ 3.6 แสนเหรียญฯ (10.8 ล้านบาท) ไปจนถึงประสบการณ์ 8-10 ปี รับที่เรต 7.2 แสนเหรียญฯ (21.6 ล้านบาท) ถือว่าแบ่งเบาภาระรายจ่ายลีกได้พอสมควร ในเมื่อต้องจ่ายให้กรรมการตัวจริง 9 แสนเหรียญฯ (ราว 27 ล้านบาท) ซึ่งช่วงพรีซีซัน กูเดลล์ ออกโรงชมการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินสำรอง ทั้งยังปลื้มที่เห็น แชนนอน เอสติน กรรมการหญิงลงทำหน้าที่ในตำแหน่ง "ไลน์ จัดจ์"
อย่างไรก็ตาม เมื่อฤดูกาลปกติเปิดฉากขึ้น ความเร็ว ความหนักหน่วง รวมทั้งความกดดันรอบข้าง ทำให้ความผิดพลาดของผู้ตัดสินเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ความแม่นกฎของกรรมการสำรองยังไม่แน่นพอ การปล่อยให้หัวหน้าโค้ช "ชาลเลนจ์" ทั้งที่ใช้เวลานอกหมดแล้ว 3 หน หรือว่า ตำแหน่งการวางลูกบอลที่ผิดระยะ จังหวะการตัดสินว่าเป็นการทำผิดกติกาหรือไม่ยังดูค้านสายตาในบางจังหวะ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม บิลล์ บีลิชิก เฮดโค้ชจอมเขี้ยวของ "นักรบกู้ชาติ" แพทริออตส์ ถึงวิ่งลงไปในสนามเพื่อเหนี่ยวแขนกรรมการมาถามไถ่ ว่าลูกทีมของเขาเสียโทษรบกวนปีกได้อย่างไร นำมาซึ่งฟิลด์โกลนำชัยของ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ นอกจากนี้สัปดาห์ที่ 3 คู่ของ ดีทรอยต์ ไลออนส์ กับ เทนเนสซี ไตตันส์ ก็มั่วซั่วน่าดู โดยเฉพาะจังหวะเป่าฟาล์วรุนแรง อัตราโทษคือโดนปรับ 15 หลา อันที่จริงต้องนำบอลไปตั้งที่เส้น 41 หลาหน้าบ้านไลออนส์ เพราะตอน เจ็ค ล็อคเกอร์ สแน็ปบอลอยู่ที่เส้น 44 ฝั่งไตตันส์ แต่ผู้ตัดสินนำบอลไปตั้งเส้น 29 ฟากทีมเยือนเสียอย่างนั้น เท่ากับว่าโทษดังกล่าวปรับถึง 27 หลา
มาล่าสุดในศึกมันเดย์ไนท์ งานนี้ แพ็คเกอร์ส รับเคราะห์โดนปล้นชัยไปเต็มๆ ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 8 วินาที รัสเซล วิลสัน ถอยลงมาปักหลักบริเวณเส้น 40 หลา ก่อนขว้างเฮลแมรีไปมุมเอ็นด์โซนให้เพื่อนกระโดดแย่งบอล ซึ่งกองหลัง "แพ็คส์แมน" โผขึ้นไปเด่นชัด 4 คนโดยเฉพาะ เอ็ม.ดี.เจนกินส์ ที่ยืนยันว่าตัวเองคว้าบอลมาครองได้แล้ว เพียงแต่จังหวะหล่นลงมาโดน โกลเดน เทต สอดมือเข้ามายื้อแย่ง ซึ่งกรรมการบ้าจี้ตามเสียงเชียร์ชูมือส่งสัญญาณทัชดาวน์ ทำให้แฟนๆ "หัวเนยแข็ง" เซ็งไปตามกัน
นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะยิ่งกระแสความผิดพลาดออกมาไม่เว้นแต่ละวีค การทำหน้าที่ของกรรมการสำรองย่อมถูกจับจ้องขึ้นเป็นลำดับ นำมาสู่ความกดดันที่จะส่งผลต่ออนาคตการเข้ารอบของหลายทีมได้เลย ที่สำคัญนโยบายที่ NFL มุ่งดูแลความปลอดภัยของผู้เล่นในสนามจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อผู้ตัดสินเหล่านี้ไม่ทันเกม บรรดาทีมรับย่อมต้องการลองดีเล่นนอกเกม หรือเล่นรุนแรงเกินกว่าเหตุในจังหวะคาบเกี่ยว ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วเมื่อ แมตต์ ช็อบ ควอเตอร์แบ็ก ฮุสตัน เท็กแซนส์ เสียชิ้นเนื้อบางส่วนบริเวณปลายหูไป จากการโดน โจ เมย์ส ไลน์แบ็กเกอร์ขาโหด เดนเวอร์ บรองโกส์ โถมอัดหนักจนหมวกกันน็อคกระเด็น ที่สุดแล้วเมื่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งแฟนๆ สื่อมวลชน หรือแม้แต่ผู้เล่นเองดังขึ้นๆ กูเดลล์ กับเหล่าเจ้าของทีมจอมเขี้ยวยังทำเป็นหูทวนลมไปได้ เกรงว่าศึกคนชนคนฤดูกาลนี้ดีกรีความเข้มข้นคงจืดไปจากเดิมไม่มากก็น้อย