xs
xsm
sm
md
lg

คุณค่าของ “ลีก คัพ” บอลถ้วยลูกเมียน้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มันโช ยันจริงจังกับถ้วยใบนี้
เอเยนซี-ฤดูกาลนี้ 2012-13 แม้ว่า ลีก คัพ ฟุตบอลถ้วยใบเล็กสุดของอังกฤษจะเปลี่ยนชื่อเป็น "แคปิตอล วัน คัพ" ตามสปอนเซอร์ แต่หลายคนยังคงเรียกกันติดปากว่าเป็น "มิคกี เมาส์ คัพ" เนื่องจากสโมสรหัวแถวของประเทศยังคงไม่ให้ความสำคัญ เห็นได้จากเมื่อวันอังคารที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา รอบ 3 ซึ่งเพิ่งเริ่มมีบรรดาทีม พรีเมียร์ชิป ร่วมโม่แข้งก็เกิดล็อคถล่มขึ้นเมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี, เอฟเวอร์ตัน และ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ต่างร่วงแต่หัววัน

แมนฯซิตี เล่นในถิ่น อิติฮัด สเตเดียม แพ้ต่อ แอสตัน วิลลา ด้วยสกอร์ที่น่าตกใจ 2-4 ทั้งที่มีนักเตะชื่อชั้นระดับทีมชาติอย่าง มาริโอ บาโลเตลลี, คาร์ลอส เตเบซ, โจลีออน เลสค็อตต์, เจมส์ มิลเนอร์ และ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ นำทัพ ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน บุกแพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-2 และ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด พังให้กับ วีแกน แอธเลติก คาถิ่น 1-4 ดูจากรายชื่อของแต่ละทีมก็จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีการโรเตชันตัวสำรองลงสนาม รวมถึงให้โอกาสนักเตะบาดเจ็บเพื่อเรียกความฟิต

หลังเกม โรแบร์โต มันชินี นายใหญ่ แมนฯซิตี เผยว่า "ผมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับนักเตะ สโมสร และแฟนบอล เราไม่ต้องการตกรอบรายการนี้ เราต้องการคว้าแชมป์ เราเล่นได้ไม่ดี แอสตัน วิลา ทำได้ดีกว่าเราจริงๆ"

ดังนั้นบรรดาเกจิแต่ละสำนักจึงไม่อาจฟันธงได้เลยว่าสโมสรใดจะคว้าแชมป์ใบนี้ที่เหมือนเป็นรายการ "ลูกเมียน้อย" เพราะต้องย้อนไป 6 ปีก่อนที่นัดชิงเป็นการเจอกันของ "ท็อปโฟร์" คือ เชลซี ชนะ อาร์เซนอล 2-1 ฤดูกาลที่แล้ว คาร์ดิฟฟ์ ซิตี ชิงกับ ลิเวอร์พูล ก่อนจะแพ้จุดโทษ ไล่มาตั้งแต่ปี 2004 มิดเดิลสโบรช์ ชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 2-1 จากนั้นทีมม้านอกสายตาอย่าง วีแกน, ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์, แอสตัน วิลลา และ เบอร์มิงแฮม ซิตี ก็พาเหรดตบเข้าเคยเข้าไปชิงดำแล้วทั้งสิ้น

สโมสรใหญ่ที่ถูกจับจ้องเป็นพิเศษว่าไม่ให้ความสำคัญกับศึก ลีก คัพ ก็คือ อาร์เซนอล เพราะ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศสประกาศเจตนารมย์ชัดเจนว่าคือรายการที่ให้โอกาสแข้งดาวรุ่งโชว์ของเหมือนปี 2007 ที่ทะลุถึงนัดชิงแม้จะขึ้นนำไปก่อนจาก ธีโอ วัลค็อตต์ แต่สุดท้ายก็สู้ความเก๋าของ เชลซี ไม่ได้โดน ดิดิเยร์ ดร็อกบา ยิงเบิ้ลแพ้ไปตามระเบียบ

ทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่เรื่องของเกียรติยศเท่านั้นเมื่อเงินรางวัลสำหรับแชมป์ ลีก คัพ นั้นน้อยนิดแค่ 500,000 ปอนด์ (ประมาณ 25 ล้านบาท) เทียบไม่ได้กับ เอฟเอ คัพ 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 100 ล้านบาท) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจำแนกให้ลึกลงไปอีกถือเป็นเศษเงินของส่วนแบ่งถ่ายทอดสดการแข่งขัน พรีเมียร์ชิป ผ่านทางโทรทัศน์ด้วยซ้ำ ดังนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อแรงจูงใจให้กุนซือไปเน้นในถ้วยใหญ่เพื่อเป็นประตูสู่การลุยศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก มากกว่า

ปีที่แล้ว ลิเวอร์พูล ไม่ได้ถวิลหาแชมป์ ลีก คัพ เลยแม้แต่น้อย ถึงจะเป็นแชมป์แรกรอบ 6 ปีของสโมสรก็ตาม เนื่องจากว่าจะไม่ได้สิทธิ์เล่น ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติดังนั้นจะต้องเล่นคัดเลือกส่งผลให้นักเตะต้องมาเข้าแคมป์เก็บตัวปรีซีซันก่อนกำหนด เคนนี ดัลกลิช อยากได้ถ้วย เอฟเอ คัพ มากกว่า ซึ่งสุดท้ายแล้วเกียรติยศนี้ก็ไม่อาจรั้งเก้าอี้นายใหญ่ถิ่น แอนฟิลด์ ไว้ได้

ดังนั้นเมื่อความมุ่งมั่นและเป้าหมายการลงสนามของแต่ละทีมไม่เหมือนกันผลการแข่งขันที่ออกมาจึงอยากจะคาดเดา วิลลา สตาร์ทในลีกแพ้ไปแล้วถึง 3 นัด พอล แลมเบิร์ต จึงต้องกระตุ้นลูกทีมมากเป็นพิเศษจนเอาชนะ แมนฯซิตี ได้สำเร็จ เฉกเช่นเดียวกับ ไมเคิล เลาดรุ๊ป ที่คุม สวอนซี ซิตี เป็นฤดูกาลแรกสามารถบุกชนะ ครอว์ลีย์ ทาวน์ 3-2 ส่วน เชลซี ไม่ต้องพูดถึงซัมเมอร์นี้เสริมทัพเยอะจึงมีตัวเลือกมากยำใหญ่ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ตามมาตรฐาน6-0

สุดท้ายแล้ว ลีก คัพ คงกลายเป็นการแข่งขันที่เหมือนเป็นบันไดให้กับบรรดาสโมสรเล็กๆ ก้าวกระโดดไปสู่เวทียุโรป แต่เมื่อศักยภาพมีไม่มากพอก็ไปได้ไม่ไกล จึงต้องย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้งพร้อมคำถามว่าจุดประสงค์ของถ้วยใบนี้คืออะไรและผลการแข่งขันที่ยากจะคาดเดานั้น "เป็นเพราะหัวจิตหัวใจอันมุ่งมั่นของทีมเล็ก" หรือ "ทีมใหญ่ซ่อนความจริงเรื่องความคุ้มค่าที่จะยอมทุ่มลงไปเต็มร้อย"
แมนฯซิตี โบกมือลาแต่หัววัน
ลีดส์ ล้ม เอฟเวอร์ตัน
เชลซี เข้ารอบ 4 ตามมาตรฐาน
กำลังโหลดความคิดเห็น