โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสมือ 1 ของโลก เผยรู้สึกเศร้าไม่น้อยหลังอดีตคู่อริอย่าง แอนดี ร็อดดิก ประกาศอำลาวงการก่อนเวลาอันควร พร้อมยกให้เป็นอีกหนึ่งนักหวดผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในวงการเทนนิสของสหรัฐอเมริกา ขณะที่ เซเรนา วิลเลียมส์ เผยทราบเรื่องนี้มานานแล้ว และเสียใจที่ไม่สามารถทำให้ "เอ-ร็อด" เปลี่ยนใจได้
ถือเป็นเรื่องช็อคระหว่างทัวร์นาเมนต์ "ยูเอส โอเพน" ที่แดนลุงแซม เมื่อ ร็อดดิก ประกาศก้องกลางงานแถลงข่าวขอยุติบทบาทนักเทนนิสอาชีพของตัวเอง ทันทีเมื่อจบศึกแกรนด์สแลมสุดท้ายของปีที่บ้านเกิด โดยหวดวัย 30 ปี ชี้ถึงเวลาแล้วที่ควรอำลาวงการเนื่องจากขาดความกระหายในการทำผลงานในสนามและร่างกายไม่อยู่ในสภาพพร้อมลงแข่งอีกต่อไป
หลังข่าวช็อค โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เผยความรู้สึกถึงอดีตคู่ปรับที่เคยขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันมาช่วงหนึ่งตั้งแต่ปี 2004 ว่า "ถือเป็นเรื่องเศร้า นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกเมื่อ แอนดี เดินมาบอกผมถึงเรื่องนี้ เขาคือนักเทนนิสที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของอเมริกา มันไม่ง่ายเลยที่จะมีใครสานต่อความสำเร็จจาก อังเดร อากัสซี, พีท แซมพราส, จิม คูเรียร์, ไมเคิล ชาง, จิมมี คอนเนอร์ส หรือ จอห์น แม็คเอนโร ซึ่งผมอยากขอบคุณเขาจริงๆสำหรับทุกสิ่งที่ทำให้กับวงการกีฬาของสหรัฐฯ"
ขณะที่ เซเรนา วิลเลียมส์ เจ้าแม่แกรนด์สแลม 14 สมัยเพื่อนร่วมชาติ เผยทราบข่าวในเรื่องนี้มานานแล้ว โดยกล่าวว่า "เขาบอกฉันถึงเรื่องนี้มาตั้งแต่ปีก่อนและย้ำอยู่เสมอ โดยเวลานั้นฉันได้แต่คิดถึงให้เขาเปลี่ยนใจกลับมาลงสนามเหมือนเดิม เพราะถือเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะรับได้ เพราะนับตั้งแต่ฉันเริ่มต้นออกทัวร์ ก็เห็นเขาอยู่ในสนามมาโดยตลอด"
"อย่างไรก็ตาม เขาคือนักเทนนิสที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวงการเทนนิส และเป็นแชมป์ยูเอส โอเพน ผู้ยิ่งใหญ่ เขาสร้างแรงกระตุ้นและกำลังใจให้กับคนเป็นจำนวนมาก ถือเป็นเรื่องเศร้าที่ฉันจะต้องสูญเสียเพื่อนร่วมวงการไปคนหนึ่ง และมันก็เป็นเรื่องที่ยากจะทำใจจริงๆ" อดีตมือ 1 ของโลก กล่าว
สำหรับ แอนดี ร็อดดิก แม้ประกาศอำลาวงการแต่เวลานี้ยังมีคิวหวดประเภทเดี่ยวอยู่ โดยเจ้าตัวจะพบกับ เบอร์นาร์ด โทมิช คู่แข่งจากออสเตรเลียในรอบ 2 โดยไม่ว่าจะเส้นทางของเจ้าตัวจะจบลงที่รอบใด แต่ ร็อดดิก ก็จะได้รับการยกย่องจากแฟนหวดบ้านเกิดและแฟนๆทั่วโลกอย่างแน่นอน ในฐานะนักหวดผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของวงการ โดยทิ้งผลงานคว้าแชมป์แกรนด์สแลม ยูเอส โอเพน ปี 2003 รวมถึงแชมป์เอทีพี ทัวร์ 32 รายการ และตำแหน่งมือ 1 โลก เมื่อปี 2003 ไว้ให้แฟนทั่วโลกได้จดจำ