คณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา ชี้จุดอ่อนอีกอย่างของสโมสรไทยอยู่ที่มาตรฐานสนาม และการรักษาความปลอดภัย ขณะที่ นฤมล ศิริวัฒน์ แนะหลังเดินทางไปศึกษาการบริหารการจัดการของ อาร์เซนอล ต้องเร่งสร้างฐานความผูกพันในอีกรูปแบบทางด้านเศรษฐกิจ
ความเคลื่อนไหวของคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา ที่เดินทางไปเยือนและศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การจัดการเรียนการสอนกีฬา และสังเกตการณ์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2012 ระหว่างวันที่ 30 ก.ค.- 7 ส.ค.นี้ ที่ประเทศอังกฤษ ล่าสุดหลังจากที่ คณะกรรมาธิการฯ ที่มี นางนฤมล ศิริวัฒน์ เป็นประธาน ได้เดินทางไปศึกษาดูงานการบริหารการจัดการสโมสรอาร์เซนอล พร้อมกับเยี่ยมชมสนามเอมิเรตส์ สเตเดียม ก่อนที่จะเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิก รอบแรกนัดสุดท้าย ในเกมที่ เกาหลีใต้ เสมอ กาบอง 0-0 ที่สนามเวมบลีย์ เพื่อศึกษารูปแบบการจัดการแข่งขันของประเทศเจ้าภาพ
โดย นางนฤมล ศิริวัฒน์ กล่าวถึงภาพโดยร่วมศึกษาดูงานว่า สำหรับสโมสรอาร์เซนอล แน่นอนว่าเขาเป็นหนึ่งในทีมระดับโลกที่มีระบบการบริหารสโมสรที่น่าสนใจ อย่างการสร้างเมมเบอร์ชิพก็ช่วยหารายได้เข้าสโมสรไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นการสร้างฐานแฟนคลับที่สอดคล้องกับการทำธุรกิจของสโมสร ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการสร้างความผูกพันทางด้านเศรษฐกิจแบบหนึ่ง อย่างทางเข้าสนามเขาก็ยังสามารถสร้างรายได้เข้าสโมสร
ประธาน กมธ.กีฬาวุฒิสภา เผยอีกว่า การเข้าไปศึกษาและเรียนรู้การบริหารจัดการของสโมสรอาร์เซนอล ทำให้กรรมาธิการเห็นพ้องคำสัญในเรื่องมาตรฐานของสนาม พร้อมกับนำไปวิเคราะห์ถึงจุดอ่อนบางสโมสรของไทยที่ยังมีปัญหาเรื่องสนามแข่งขัน อย่างกรณีที่มีข่าวความวุ่นวายระหว่างแฟนบอล สมุทรสงคราม กับ ชลบุรี ที่มีจุดปัญหาในเรื่องของทางออกทางเดียวจนส่งผลให้เกิดการกระทบกระทั่ง
“กรรมาธิการเห็นว่าแนวทางอีกอย่างที่น่าจะช่วยให้ฟุตบอลไทยยกระดับเพิ่มมากขึ้นคือ สภาพสนามต้องเคร่งครัด โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัยต้องพร้อม ดังเช่น มาตรฐานของหลายๆสโมสรชั้นนำ หรืออาจจะดูได้จากแนวทางการรักษาความปลอดภัยในการแข่งขันฟุตบอลลอนดอนเกมส์”
นางนฤมล กล่าวปิดท้ายว่า อย่างไรก็ตามต้องยอมรับหลายสโมสรชั้นนำไม่เฉพาะ อาร์เซนอล เขาพัฒนามาก่อนเราหลายปี ฉะนั้นการยกระดับมาตรฐานของสโมสรต้องมีปัจจัยในเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งนั่นก็ร่วมไปถึงปัญหาที่เป็นอุปสรรคในเรื่องของแฟนบอลและผู้ตัดสินด้วย
