คอลัมน์ “สุดฟากสนาม” โดย “นกฟินิกซ์”
ชัยชนะในออสเตรเลียน โอเพ่นปี 2001 ของอังเดร อากัสซี่ นั้นมาพร้อมกับข่าวดี เมื่อสเตฟฟี่ กราฟ แจ้งว่าเธอตั้งครรภ์ และพวกเขาตัดสินใจที่จะตั้งชื่อลูกโดยให้มีชื่อของ กิล เรเยส เทรนเนอร์ผู้ดูแล อังเดร มานานเป็นชื่อกลาง และนั่นเป็นที่มาของชื่อเต็มของ จาเดน กิล อากัสซี่ บุตรชายคนโตของ อังเดร ที่ลืมตาดูโลกในเดือนตุลาคม ปี 2001 เป็นช่วงชีวิตที่นักเทนนิสหนุ่มบอกกับตนเองว่า นี่คือฤดูกาลแห่งการถือกำเนิด และ เกิดใหม่ของตัวเขาอย่างแท้จริง
แต่ชีวิตคนเราเมื่อได้สิ่งหนึ่งย่อมต้องเสียอีกสิ่งหนึ่งไป หลังจากครองแชมป์ออสเตรเลี่ยน โอเพ่นได้ในวัย 30 ปีแบรด กิลเบิร์ก ยอดโค้ชที่ทำงานกับอังเดร มาเกือบหนึ่งทศวรรษ ก็ถึงคราวอำลาเมื่อ แบรด มองว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาวันเวลา ระหว่างเขากับนักเทนนิสหนุ่มจากลาสเวกัส นั้นมาถึงจุดที่เรียกว่าอิ่มตัวแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ อังเดร เข้าใจได้เป็นอย่างดี เพราะช่วงเวลาทั้งที่ขึ้นสู่จุดสูงสุด และ ร่วงลงจากตำแหน่งนักเทนนิสระดับท้อปโลกนั้น แบรด ยืนอยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอด เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปทำให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจเป็นอย่างดี
โค้ชคนใหม่ของ อังเดร คือ ดาร์เรน คาฮิลล์ เป็นอดีตโค้ชของ เลย์ตัน ฮิววิตต์ ซึ่ง อังเดร บรรยายภาพของ คาฮิลล์ ไว้ในหนังสือของตนเองว่า “ดาร์เรน เป็นคนที่มีบุคลิกเรียบง่าย สำเนียงแสดงความเป็นคนออสซี่ อย่างชัดเจน” การร่วมงานระหว่าง อังเดร กับ ดาร์เรน นั้นเป็นไปอย่างราบรื่น หลังโค้ชชื่อดังบอกปัดการทาบทามจากมารัต ซาฟิน และหลังจากนั้นทั้งคู่ก็สร้างผลงานร่วมกันเมื่อ ชื่อของ อากัสซี่ ถูกจารึก ลงบนถ้วยออสเตรเลียน โอเพ่นปี 2003 เวลานั้นนักเทนนิสหนุ่มมีวัย 32 ปี
การเดินทางอยู่บนถนนสายลูกสักหลาดของ อังเดร อากัสซี่ นั้นยังดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปี 2006 แม้ในระหว่างนั้นจะมีเสียงจากผู้คนรอบข้งที่เริ่มพูดถึงการวางแร็กเก็ต หากแต่เจ้าตัวยังมั่นใจในสภาพร่างกายของตนเอง จนกระทั่งถึงวิมเบิลดัน ปี 2006 ซึ่งอังเดร ตั้งใจจะอำลาสนามบนกลาสคอร์ต ที่เขาโปรดปรานแต่ผลงานที่ ต้องพ่ายให้กับ ราฟาเอล นาดาลในรอบที่สามทำให้เจ้าตัวตัดสินใจที่จะอำลาวงการบนสนามในบ้านเกิดอย่างยูเอส โอเพ่น แต่ นักเทนนิสหนุ่มก็ทำได้เพียงแค่รอบที่สี่ และ อาการบาดเจ็บที่เรื้อรังมานานก็ได้ย้ำเตือนให้เจ้าตัวต้องปิดฉากสุดท้ายของตนเอง ในเมืองบิ๊กแอปเปิ้ล และนี่คือประโยคสุดท้ายที่ อังเดร อำลาแฟนเทนนิสของตนเอง
“บนสกอร์บอร์ดนั้นแจ้งผลการแข่งขันว่า ผมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับ เบนจามิน เบคเกอร์ แต่สิ่งหนึ่งที่บนสกอร์บอร์ดไม่ได้ระบุไว้คือ สิ่งที่ผมได้พบจากการแข่งขัน ตลอดทั้ง 21 ปีของชีวิตนักเทนนิสอาชีพ ผมได้พบกับความรักความจริงใจจากแฟนเทนนิสอย่างพวกคุณ ที่มอบให้กับผมมาโดยตลอดทั้งในและนอกสนาม และ ในความรู้สึกที่พวกคุณมอบให้ ผมก็ได้พบกับแรงบันดาลใจอันเป็นพลังที่ทำให้ผมยืนสู้มาจนถึงวันนี้ วันที่ได้กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง เพราะในวันที่อยู่ในจุดต่ำสุดกำลังใจจากแฟนเทนนิสเปรียบเสมือน แรงผลักดันที่ทำให้ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และ ทำให้ความฝันของผมกลับมาเป็นจริงอีกครั้ง ผมอยากจะกล่าวขอบคุณแฟนเทนนิสทุกท่านหากไม่มีพวกคุณผมก็คงไม่มีวันนี้ ผมจะเก็บความทรงจำที่ดีระหว่างพวกเราเอาไว้ตลอดไป ขอบคุณครับ”
ชัยชนะในออสเตรเลียน โอเพ่นปี 2001 ของอังเดร อากัสซี่ นั้นมาพร้อมกับข่าวดี เมื่อสเตฟฟี่ กราฟ แจ้งว่าเธอตั้งครรภ์ และพวกเขาตัดสินใจที่จะตั้งชื่อลูกโดยให้มีชื่อของ กิล เรเยส เทรนเนอร์ผู้ดูแล อังเดร มานานเป็นชื่อกลาง และนั่นเป็นที่มาของชื่อเต็มของ จาเดน กิล อากัสซี่ บุตรชายคนโตของ อังเดร ที่ลืมตาดูโลกในเดือนตุลาคม ปี 2001 เป็นช่วงชีวิตที่นักเทนนิสหนุ่มบอกกับตนเองว่า นี่คือฤดูกาลแห่งการถือกำเนิด และ เกิดใหม่ของตัวเขาอย่างแท้จริง
แต่ชีวิตคนเราเมื่อได้สิ่งหนึ่งย่อมต้องเสียอีกสิ่งหนึ่งไป หลังจากครองแชมป์ออสเตรเลี่ยน โอเพ่นได้ในวัย 30 ปีแบรด กิลเบิร์ก ยอดโค้ชที่ทำงานกับอังเดร มาเกือบหนึ่งทศวรรษ ก็ถึงคราวอำลาเมื่อ แบรด มองว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาวันเวลา ระหว่างเขากับนักเทนนิสหนุ่มจากลาสเวกัส นั้นมาถึงจุดที่เรียกว่าอิ่มตัวแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ อังเดร เข้าใจได้เป็นอย่างดี เพราะช่วงเวลาทั้งที่ขึ้นสู่จุดสูงสุด และ ร่วงลงจากตำแหน่งนักเทนนิสระดับท้อปโลกนั้น แบรด ยืนอยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอด เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปทำให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจเป็นอย่างดี
โค้ชคนใหม่ของ อังเดร คือ ดาร์เรน คาฮิลล์ เป็นอดีตโค้ชของ เลย์ตัน ฮิววิตต์ ซึ่ง อังเดร บรรยายภาพของ คาฮิลล์ ไว้ในหนังสือของตนเองว่า “ดาร์เรน เป็นคนที่มีบุคลิกเรียบง่าย สำเนียงแสดงความเป็นคนออสซี่ อย่างชัดเจน” การร่วมงานระหว่าง อังเดร กับ ดาร์เรน นั้นเป็นไปอย่างราบรื่น หลังโค้ชชื่อดังบอกปัดการทาบทามจากมารัต ซาฟิน และหลังจากนั้นทั้งคู่ก็สร้างผลงานร่วมกันเมื่อ ชื่อของ อากัสซี่ ถูกจารึก ลงบนถ้วยออสเตรเลียน โอเพ่นปี 2003 เวลานั้นนักเทนนิสหนุ่มมีวัย 32 ปี
การเดินทางอยู่บนถนนสายลูกสักหลาดของ อังเดร อากัสซี่ นั้นยังดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปี 2006 แม้ในระหว่างนั้นจะมีเสียงจากผู้คนรอบข้งที่เริ่มพูดถึงการวางแร็กเก็ต หากแต่เจ้าตัวยังมั่นใจในสภาพร่างกายของตนเอง จนกระทั่งถึงวิมเบิลดัน ปี 2006 ซึ่งอังเดร ตั้งใจจะอำลาสนามบนกลาสคอร์ต ที่เขาโปรดปรานแต่ผลงานที่ ต้องพ่ายให้กับ ราฟาเอล นาดาลในรอบที่สามทำให้เจ้าตัวตัดสินใจที่จะอำลาวงการบนสนามในบ้านเกิดอย่างยูเอส โอเพ่น แต่ นักเทนนิสหนุ่มก็ทำได้เพียงแค่รอบที่สี่ และ อาการบาดเจ็บที่เรื้อรังมานานก็ได้ย้ำเตือนให้เจ้าตัวต้องปิดฉากสุดท้ายของตนเอง ในเมืองบิ๊กแอปเปิ้ล และนี่คือประโยคสุดท้ายที่ อังเดร อำลาแฟนเทนนิสของตนเอง
“บนสกอร์บอร์ดนั้นแจ้งผลการแข่งขันว่า ผมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับ เบนจามิน เบคเกอร์ แต่สิ่งหนึ่งที่บนสกอร์บอร์ดไม่ได้ระบุไว้คือ สิ่งที่ผมได้พบจากการแข่งขัน ตลอดทั้ง 21 ปีของชีวิตนักเทนนิสอาชีพ ผมได้พบกับความรักความจริงใจจากแฟนเทนนิสอย่างพวกคุณ ที่มอบให้กับผมมาโดยตลอดทั้งในและนอกสนาม และ ในความรู้สึกที่พวกคุณมอบให้ ผมก็ได้พบกับแรงบันดาลใจอันเป็นพลังที่ทำให้ผมยืนสู้มาจนถึงวันนี้ วันที่ได้กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง เพราะในวันที่อยู่ในจุดต่ำสุดกำลังใจจากแฟนเทนนิสเปรียบเสมือน แรงผลักดันที่ทำให้ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และ ทำให้ความฝันของผมกลับมาเป็นจริงอีกครั้ง ผมอยากจะกล่าวขอบคุณแฟนเทนนิสทุกท่านหากไม่มีพวกคุณผมก็คงไม่มีวันนี้ ผมจะเก็บความทรงจำที่ดีระหว่างพวกเราเอาไว้ตลอดไป ขอบคุณครับ”
