กำลังจะผ่านครึ่งทางกับภารกิจป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2012 ของ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" ภายใต้การนำทัพของ "โค้ชแต๊ก" อรรถพล ปุษาปคม ยอดกุนซือสมองเพชร ผู้พาปราสาทสายฟ้าครองความยิ่งกวาดโทรฟี่แชมป์มาประดับตู้โชว์มากมาย เมื่อซีซั่น 2011
แม้ฟอร์มการเล่นในเลกแรกของ "นักรบปราสาทสายฟ้า" จะไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร ทำให้การสู้ศึกไทยพรีเมียร์ลีก เลกสอง ยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นอีก เช่นเดียวกับฟุตบอลถ้วย สองรายการ ทั้งศึกมูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ และศึกโตโยต้าลีกคัพ
ประเมินผลงานของเราในฐานะแชมป์เก่า กับเลกแรกพอใจไหม
เราเริ่มต้นได้ดีในไทยพรีเมียร์ลีก แต่ฟอร์มการเล่นโดยรวมน่าจะดีกว่านี้ เพราะหลังจากที่เราไม่ได้ไปต่อใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เรากลับมาพร้อมกับอาการล้า ซึ่งคือสิ่งสำคัญที่เราพยายามปรับปรุงมาตลอด โดยเฉพาะผู้เล่นในแผงมิดฟิลด์ ที่ทำได้ไม่ดีเหมือนตอนต้นซีซั่น รวมทั้งการขาดตัวจบสกอร์อย่าง แฟรงค์ โฮแฮนด์ซ่า ทำให้ฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขันไม่เป็นอย่างที่เราหวังไว้
อะไรคือสิ่งที่เราจะต้องปรับบ้าง สำหรับการสู้ศึกในเลกสอง
สิ่งแรก คือ เราจำเป็นต้องมองหาผู้เล่นใหม่ เข้ามาทดแทนโดยด่วน ซึ่งเราได้ดำเนินการแล้ว อย่างที่สองคือการเร่งฟอร์มผู้เล่น ในแผงมิดฟิลด์ทั้งหมด ให้กลับมาเชื่อมั่นในตัวเอง และสร้างผลงานเหมือนช่วงต้นฤดูกาลให้ได้ หากเราทำได้เชื่อว่าจะเป็นกุญแจสำคัญ ในคว้าชัยชนะในทุกๆ เกมที่ลงสนาม
เราทำคะแนนหลุดมือไปพอสมควรในเลกแรก และเสียสถิติไม่แพ้ใครในบ้านไว้ที่ 39 นัด ตรงนี้โค้ชแต๊กมองอย่างไร
เป็นเรื่องที่เสียหายมาก ที่เราเสียสถิติไร้พ่ายในบ้านที่ 39 นัด ผมคิดว่าสิ่งนี้น่าจะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อสภาพจิตใจนักเตะพอสมควร จนเราออกไปแพ้ การท่าเรือฯ 1-2 ทำให้คะแนนเราตามจ่าฝูงอยู่พอสมควร ซึ่งเราต้องทำให้ดีกว่านี้ในเลกที่สอง
เรามีคะแนนตามจ่าฝูง หมายความว่าเลกสองเราต้องเจองานหนัก ยังมั่นใจไหมกับการป้องกันแชมป์
อย่างที่บอกไว้เสมอ ๆ ว่าเรายังมั่นใจอยู่ ในการป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก แต่ทั้งนี้หากเราได้ผู้เล่นฝีเท้าดีเข้ามา และสามารถปรับตัวเข้ากับระบบทีมได้อย่างรวดเร็ว คะแนนที่ตามจ่าฝูงอยู่นั้น คงจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญ ที่น่าจะทำให้เราเก็บชัยชนะ และกลับเข้าสู่การลุ้นแชมป์โดยเร็วเช่นกัน
พูดถึงนักเตะใหม่ที่ดึงเข้ามาเสริมทัพหน่อย
แอนโทนี อำไพพิทักษ์วงศ์ เป็นผู้เล่นที่ดีมากคนนึง แถมยังสามารถเล่นในแผงมิดฟิลด์ได้ ประกอบกับประสบการณ์ในเมเจอร์ลีก เชื่อว่าจะทำให้กองกลางเราแข็งแกร่งขึ้นแน่ โดยเฉพาะเกมรุนที่หลากหลายขึ้น
ส่วน อันวาร์ ราจาบอฟ เป็นนักเตะที่เราต้องการมาแก้ไขการจบสกอร์ ซึ่งการที่เขาติดทีมชาติอุซเบกิสถาน แถมยังผ่านการเล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว จะทำให้ทีมได้ใช้ประโยชน์จากจุดนี้มากขึ้น
ขณะที่ เฉลิมศักดิ์ แก้วสุขแท้ กองหลังดีกรีทีมชาติไทย ก็เป็นคนที่เรามั่นใจว่า จะเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งในแดนหลังได้แน่นอน เนื่องจากสไตล์การเล่นของเขา ค่อนข้างจะเข้ากับระบบของทีม
นอกจากนี้ยังมี สองพี่น้อง "เซตโควิช" ที่เล่นตำแหน่งกองกลาง ดีกรีทีมชาติมอนเตเนโกร ซึ่งเชื่อว่าประสบการณ์ที่ทั้งคู่ผ่านฟุตบอลในลีกชั้นนำของยุโรปมาแล้ว จะมาเสริมให้แผงกองกลางของเราแข็งแกร่งขึ้น
ส่วน อาทิตย์ บุตรจินดา กองหน้าดาวรุ่ง ซึ่งผ่านการฝึกในโครงการ "Aspire football dreams" ที่ศูนย์ฝึกใหญ่ เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์มาแล้วเป็นอีกคนที่น่าจับตามอง
เท่าที่เห็นฟอร์มจากการซ้อมโอเคไหม
ถือว่าโอเคทั้งหมด เพราะก่อนที่เราจะนำทั้งหมดมาอยู่ในทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมงานทุกคนรวมทั้งผม ได้มีการศึกษาข้อมูลของพวกเขามาอย่างละเอียด ก่อนที่จะตัดสินใจเซ็นสัญญา
หลายทีมก็มีการเสริมทัพ เพื่อเตรียมสู้ศึกในเลกสองเช่นกัน โค้ชแต๊กมองว่าจะทำให้พวกเขาน่ากลัวขึ้นหรือไม่
แต่ละทีมย่อมเห็นจุดอ่อนของทีมตัวเองอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่านักเตะที่พวกเขาเอามานั้น จะสามารถปรับตัวเข้ากับระบบทีม หรือสไตล์การเล่นได้เร็วหรือเปล่า
ทีมไหนบ้าง คือ ทีมที่มีลุ้นแย่งแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้กับเรา
ทีมจากท็อปไฟฟ์ ทุกทีมมีโอกาส ไม่ว่าจะเป็น เมืองทองฯ, ชลบุรี เอฟซี, บางกอกกล๊าส เอฟซี แม้กระทั่ง บีอีซี เทโรฯ ทีมเหล่านี้ล้วนแต่มีนักเตะที่มีศักยภาพในการลุ้นแชมป์กับเราอย่างสนุกแน่นอน
เป้าหมายของทีมปีนี้ยังเหมือนเดิมไหม คือ ป้องกัน 3 แชมป์
มันเป็นสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่แรก ฤดูกาลนี้ยังไม่จบเราไม่เคยท้อ และผมยังไม่ยอมยกธงขาวแน่นอน ในไทยพรีเมียณ์ลีก เรายังมีเกมลงสนามอีกเยอะ เพราะฉะนั้นเราจะร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรค เพื่อป้องกันทั้ง 3 แชมป์ให้ได้
ที่มา : นิตยสารบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ฉบับที่ 9 / http://www.burirampea.com
