คอลัมน์ “ลูกฟุตบอลสีชมพู” โดย “ไม้ขีดไฟ”
“พอกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา ได้ยินเสียงรถหวอดังขรมตามซอยเล็กซอยน้อย”
คำพูดยั่วยวนกวนประสาทประโยคข้างบน เกิดหลังเกมรอบรองชนะเลิศระหว่างเยอรมัน กับอิตาลี เพราะแฟนบอลส่วนใหญ่อยู่ข้างทีม “อินทรีเหล็ก” ที่โชว์ฟอร์มเทพครบเครื่องชนะติดต่อกัน 4 เกม แถมสดเพราะได้พักนานกว่า 2 วัน
แตกต่างจากอิตาลีที่ผ่านเข้ารอบแบบต้องลุ้นไม่ให้สเปนกับโครเอเชียเสมอกัน 2-2 ประตู หลังอิตาลีชนะไอร์แลนด์ 2-0
เมื่อคืน (1 กรกฎาคม) ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2012” คู่ชิงชนะเลิศระหว่างสเปน กับอิตาลี เตะปิดทัวร์นาเม้นต์ไปแล้วที่สนาม โอลิมปิก สเตเดียม กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน
เป็นสเปนที่สามารถสร้างสถิติ เป็นแชมป์ยูโร 2008 เป็นแชมป์โลกปี 2010 และป้องกันแชมป์ได้โดยเป็นแชมป์ยูโร 2012 หรือว่าเป็นอิตาลี ที่แวดวงฟุตบอลมีกลิ่นล้มต้ม นักเตะทีมชาติกับโค้ชบางคนถูกสอบสวนข้อหามีส่วนล็อกผลฟุตบอล จนนักเตะทีมชาติชุดยูโร 2012 หลายคนขวัญผวา เทรนเนอร์ เชซาเร ปรันเดลลี ประกาศผ่านสื่อว่า ถ้าหากสมาคมฟุตบอลอิตาลีต้องการให้ถอนทีมจากการแข่งขันครั้งนี้ เขาก็พร้อมทำตามทุกประการ
ถ้าอิตาลีได้เป็นแชมป์ยูโร 2012 นับว่าเป็นฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์ที่รสชาติและสีสันผิดเพี้ยนไปจากความคาดหวัง
อิตาลีเริ่มต้นอย่างกระท่อนกระแท่น ทั้งกำลังใจและฟอร์ม แล้วค่อยๆ พัฒนาขึ้นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ดวลเป้าชนะอังกฤษ 4-2 และฉายแววแชมป์ในเกมดับความหวังของทีมเต็งเยอรมัน 2-1 อันโตนิโอ คาสซาโน กับ มาริโอ บาโลเตลลี ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะเกเรเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ ทั้งสติและฟอร์มระหว่างทัวร์นาเมนต์
ขณะ บิเซนเต เดล บอสเก เทรนเนอร์ ยังหากองหน้าตัวเป้าให้สเปนไม่ได้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ไม่ได้รับโอกาสให้เติบโต ยอดเทรนเนอร์ฝากความหวังไว้กับนักเตะแดนกลาง ทั้ง ชาบี เอร์นานเดซ, ชาบี อลอนโซ่, อันเดรส อีเนียสต้า ที่โชว์ฟอร์มอย่างสุดยอด รวมทั้ง เชส ฟาเบรกาส ตัวโจ๊กเกอร์ที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ลีกใหญ่ๆ ในยุโรปอย่างพรีเมียร์ดัตช์ อาจไม่คึกคัก เพราะว่าฮอลแลนด์รองแชมป์โลกปี 2010 และเป็นทีมเต็งตกรอบแรกอย่างน่าอับอาย นักเตะดังบางคนบาดหมางกับโค้ช เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ก ทันทีที่สิ้นศึกโค้ชลาออก ทีม “กังหันสีส้ม” ยังหานายใหม่ทำศึกฟุตบอลโลก ปี 2012 รอบคัดเลือกไม่ได้
บุนเดสลีกายังรักษาความแข็งแกร่งตามแบบฉบับของเยอรมัน ทีม “อินทรีเหล็ก” พลาดท่าแก่อิตาลี อดเข้าชิงชนะเลิศ เทรนเนอร์ โยอัคคิม เลิฟ ยืนยันว่า ทีมของเขาทำถูกต้องทุกอย่าง จบงานนี้นักเตะสูงอายุบางคนอาจถูกปล่อยจากทีม เปิดโอกาสให้คนหนุ่มได้แสดงฝีเท้ามากขึ้น
บุนเดสลีกายังเป็นสวรรค์ของนักเตะยุโรปตะวันออก อย่าง โปแลนด์, ออสเตรีย, สาธารณรัฐเช็ก, สโลวะเกีย และ ละตินอเมริกา
พรีเมียร์ลีกยังมีแรงดึงดูดเหมือนเดิม เพราะความมั่นคงด้านชื่อเสียง ไม่มีเรื่องราวล้มต้มล็อกผล การเงินของสโมสรต่างๆ อยู่ในระดับดีและจัดการได้ แม้ทีม “สิงโตคำราม” จะจบสิ้นทัวร์นาเม้นต์แบบเดิมๆ
ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลอังกฤษกำลังฉายหนังม้วนเก่าๆ เรื่องอังกฤษพ่ายดวลจุดโทษพร้อมตั้งคำถาม ว่า เมื่อไรนักเตะอังกฤษจะเอาจริงเอาจังเรื่องซ้อมยิงจุดโทษเสียที นักเตะต้องเปลี่ยนทัศนคติ โดยเลิกคิดว่าการยิงจุดโทษเป็นเรื่องของดวงหรือโชคชะตา
ลูกชิปของ อันเดรีย ปีร์โล ลอยข้ามหัวนายทวาร โจ ฮาร์ท ไปซุกก้นตาข่ายไม่ได้เกิดจากโชค แต่มาจากการฝึกซ้อมจนชำนาญ และมาจากจิตใจที่เยือกเย็น ประตูนั้นมีคุณค่ามากกว่าเลข 1 เพราะมันบั่นทอนความเชื่อมั่นของโจ ฮาร์ท และนักเตะอังกฤษที่จะเดินเข้ายิงจุดโทษคนต่อไป เขาคนนั้นจะทำได้ “เหนือชั้น” อย่างปีร์โล หรือไม่ ถ้าไม่เคยฝึกซ้อมจนเยือกเย็นจะหวั่นไหวใจเสียขาสั่น
เวย์น รูนีย์ อายุ 26 ปี ยังไม่มีราคาในทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ ฟุตบอลโลก ปี 2014 รูนีย์จะ 28 ยูโรครั้งต่อไป 30 ยังเชื่ออะไรได้อีก
สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ผู้จัดศึกยูโรที่เข้มงวดเรื่องลิขสิทธิ์ ยูฟาแถลงก่อนเกมคู่ชิงชนะเลิศ ว่า สโมสรฟุตบอลในทวีปยุโรปราว 580 แห่ง จะได้รับเงินส่วนแบ่งรายได้จากศึกนี้ 100 ล้านยูโร หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยเม็ดเงิน 60 ล้านยูโร (ราว 2,400 ล้านบาท) จะแบ่งปันให้สโมสรที่ปล่อยตัวนักเตะในสังกัดมาเล่นรอบสุดท้ายที่โปแลนด์และยูเครน
อีก 40 ล้านยูโร (ราว 1,600 ล้านบาท) จะแบ่งให้กับสโมสรต่างๆ ที่มีนักเตะเล่นรอบคัดเลือก ยอดเงินครั้งนี้สูงกว่าครั้งก่อน 55 ล้านยูโร (ราว 2,200 ล้านบาท)
ศึกยูโรเกิดขึ้นได้เพราะนักฟุตบอล ที่สโมสรต้นสังกัดจ่ายเงินซื้อตัวและจ่ายเงินเดือน ยูฟายืมนักฟุตบอลไปประกอบธุรกิจ เมื่อมีกำไรจากสปอนเซอร์, ค่าผ่านประตู และค่าลิขสิทธิ์สัญญาณถ่ายทอด ผลกำไรส่วนหนึ่งเก็บไว้ อีกส่วนแจกจ่ายให้สโมสรอย่างเป็นธรรมก็ค้าขายต่อไปได้
ยูโร 2012 มีกองเชียร์เกเร ทำประเทศเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่กองเชียร์ไอร์แลนด์ แม้ทีมแพ้ทุกนัดพวกเขายังร้องเพลง ทั้งร้องปลอบใจนักเตะและปลอบใจกันเอง
มิเชล พลาตินี ประธานยูฟา จะเดินทางไปมอบรางวัลเกียรติยศแก่ชาวไอริชถึงบ้านของพวกเขา
“พอกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา ได้ยินเสียงรถหวอดังขรมตามซอยเล็กซอยน้อย”
คำพูดยั่วยวนกวนประสาทประโยคข้างบน เกิดหลังเกมรอบรองชนะเลิศระหว่างเยอรมัน กับอิตาลี เพราะแฟนบอลส่วนใหญ่อยู่ข้างทีม “อินทรีเหล็ก” ที่โชว์ฟอร์มเทพครบเครื่องชนะติดต่อกัน 4 เกม แถมสดเพราะได้พักนานกว่า 2 วัน
แตกต่างจากอิตาลีที่ผ่านเข้ารอบแบบต้องลุ้นไม่ให้สเปนกับโครเอเชียเสมอกัน 2-2 ประตู หลังอิตาลีชนะไอร์แลนด์ 2-0
เมื่อคืน (1 กรกฎาคม) ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2012” คู่ชิงชนะเลิศระหว่างสเปน กับอิตาลี เตะปิดทัวร์นาเม้นต์ไปแล้วที่สนาม โอลิมปิก สเตเดียม กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน
เป็นสเปนที่สามารถสร้างสถิติ เป็นแชมป์ยูโร 2008 เป็นแชมป์โลกปี 2010 และป้องกันแชมป์ได้โดยเป็นแชมป์ยูโร 2012 หรือว่าเป็นอิตาลี ที่แวดวงฟุตบอลมีกลิ่นล้มต้ม นักเตะทีมชาติกับโค้ชบางคนถูกสอบสวนข้อหามีส่วนล็อกผลฟุตบอล จนนักเตะทีมชาติชุดยูโร 2012 หลายคนขวัญผวา เทรนเนอร์ เชซาเร ปรันเดลลี ประกาศผ่านสื่อว่า ถ้าหากสมาคมฟุตบอลอิตาลีต้องการให้ถอนทีมจากการแข่งขันครั้งนี้ เขาก็พร้อมทำตามทุกประการ
ถ้าอิตาลีได้เป็นแชมป์ยูโร 2012 นับว่าเป็นฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์ที่รสชาติและสีสันผิดเพี้ยนไปจากความคาดหวัง
อิตาลีเริ่มต้นอย่างกระท่อนกระแท่น ทั้งกำลังใจและฟอร์ม แล้วค่อยๆ พัฒนาขึ้นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ดวลเป้าชนะอังกฤษ 4-2 และฉายแววแชมป์ในเกมดับความหวังของทีมเต็งเยอรมัน 2-1 อันโตนิโอ คาสซาโน กับ มาริโอ บาโลเตลลี ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะเกเรเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ ทั้งสติและฟอร์มระหว่างทัวร์นาเมนต์
ขณะ บิเซนเต เดล บอสเก เทรนเนอร์ ยังหากองหน้าตัวเป้าให้สเปนไม่ได้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ไม่ได้รับโอกาสให้เติบโต ยอดเทรนเนอร์ฝากความหวังไว้กับนักเตะแดนกลาง ทั้ง ชาบี เอร์นานเดซ, ชาบี อลอนโซ่, อันเดรส อีเนียสต้า ที่โชว์ฟอร์มอย่างสุดยอด รวมทั้ง เชส ฟาเบรกาส ตัวโจ๊กเกอร์ที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ลีกใหญ่ๆ ในยุโรปอย่างพรีเมียร์ดัตช์ อาจไม่คึกคัก เพราะว่าฮอลแลนด์รองแชมป์โลกปี 2010 และเป็นทีมเต็งตกรอบแรกอย่างน่าอับอาย นักเตะดังบางคนบาดหมางกับโค้ช เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ก ทันทีที่สิ้นศึกโค้ชลาออก ทีม “กังหันสีส้ม” ยังหานายใหม่ทำศึกฟุตบอลโลก ปี 2012 รอบคัดเลือกไม่ได้
บุนเดสลีกายังรักษาความแข็งแกร่งตามแบบฉบับของเยอรมัน ทีม “อินทรีเหล็ก” พลาดท่าแก่อิตาลี อดเข้าชิงชนะเลิศ เทรนเนอร์ โยอัคคิม เลิฟ ยืนยันว่า ทีมของเขาทำถูกต้องทุกอย่าง จบงานนี้นักเตะสูงอายุบางคนอาจถูกปล่อยจากทีม เปิดโอกาสให้คนหนุ่มได้แสดงฝีเท้ามากขึ้น
บุนเดสลีกายังเป็นสวรรค์ของนักเตะยุโรปตะวันออก อย่าง โปแลนด์, ออสเตรีย, สาธารณรัฐเช็ก, สโลวะเกีย และ ละตินอเมริกา
พรีเมียร์ลีกยังมีแรงดึงดูดเหมือนเดิม เพราะความมั่นคงด้านชื่อเสียง ไม่มีเรื่องราวล้มต้มล็อกผล การเงินของสโมสรต่างๆ อยู่ในระดับดีและจัดการได้ แม้ทีม “สิงโตคำราม” จะจบสิ้นทัวร์นาเม้นต์แบบเดิมๆ
ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลอังกฤษกำลังฉายหนังม้วนเก่าๆ เรื่องอังกฤษพ่ายดวลจุดโทษพร้อมตั้งคำถาม ว่า เมื่อไรนักเตะอังกฤษจะเอาจริงเอาจังเรื่องซ้อมยิงจุดโทษเสียที นักเตะต้องเปลี่ยนทัศนคติ โดยเลิกคิดว่าการยิงจุดโทษเป็นเรื่องของดวงหรือโชคชะตา
ลูกชิปของ อันเดรีย ปีร์โล ลอยข้ามหัวนายทวาร โจ ฮาร์ท ไปซุกก้นตาข่ายไม่ได้เกิดจากโชค แต่มาจากการฝึกซ้อมจนชำนาญ และมาจากจิตใจที่เยือกเย็น ประตูนั้นมีคุณค่ามากกว่าเลข 1 เพราะมันบั่นทอนความเชื่อมั่นของโจ ฮาร์ท และนักเตะอังกฤษที่จะเดินเข้ายิงจุดโทษคนต่อไป เขาคนนั้นจะทำได้ “เหนือชั้น” อย่างปีร์โล หรือไม่ ถ้าไม่เคยฝึกซ้อมจนเยือกเย็นจะหวั่นไหวใจเสียขาสั่น
เวย์น รูนีย์ อายุ 26 ปี ยังไม่มีราคาในทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ ฟุตบอลโลก ปี 2014 รูนีย์จะ 28 ยูโรครั้งต่อไป 30 ยังเชื่ออะไรได้อีก
สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ผู้จัดศึกยูโรที่เข้มงวดเรื่องลิขสิทธิ์ ยูฟาแถลงก่อนเกมคู่ชิงชนะเลิศ ว่า สโมสรฟุตบอลในทวีปยุโรปราว 580 แห่ง จะได้รับเงินส่วนแบ่งรายได้จากศึกนี้ 100 ล้านยูโร หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยเม็ดเงิน 60 ล้านยูโร (ราว 2,400 ล้านบาท) จะแบ่งปันให้สโมสรที่ปล่อยตัวนักเตะในสังกัดมาเล่นรอบสุดท้ายที่โปแลนด์และยูเครน
อีก 40 ล้านยูโร (ราว 1,600 ล้านบาท) จะแบ่งให้กับสโมสรต่างๆ ที่มีนักเตะเล่นรอบคัดเลือก ยอดเงินครั้งนี้สูงกว่าครั้งก่อน 55 ล้านยูโร (ราว 2,200 ล้านบาท)
ศึกยูโรเกิดขึ้นได้เพราะนักฟุตบอล ที่สโมสรต้นสังกัดจ่ายเงินซื้อตัวและจ่ายเงินเดือน ยูฟายืมนักฟุตบอลไปประกอบธุรกิจ เมื่อมีกำไรจากสปอนเซอร์, ค่าผ่านประตู และค่าลิขสิทธิ์สัญญาณถ่ายทอด ผลกำไรส่วนหนึ่งเก็บไว้ อีกส่วนแจกจ่ายให้สโมสรอย่างเป็นธรรมก็ค้าขายต่อไปได้
ยูโร 2012 มีกองเชียร์เกเร ทำประเทศเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่กองเชียร์ไอร์แลนด์ แม้ทีมแพ้ทุกนัดพวกเขายังร้องเพลง ทั้งร้องปลอบใจนักเตะและปลอบใจกันเอง
มิเชล พลาตินี ประธานยูฟา จะเดินทางไปมอบรางวัลเกียรติยศแก่ชาวไอริชถึงบ้านของพวกเขา