ASTVผู้จัดการรายวัน- ทราบกันไปแล้วสำหรับโฉมหน้าของชาติที่ได้ชูถ้วย “อองรี เดอโลเนย์” พร้อมกับศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 14 ยูโร 2012 ที่ โปแลนด์ และ ยูเครน ซึ่งรูดม่านไปแล้วเมื่อคืนวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทีมข่าว MGR SPORT จึงขอถือโอกาสนี้คัดเลือก “ดรีมทีม” ระบบ 4-3-3 ประจำทัวร์นาเมนต์นี้ฝากกันตามธรรมเนียม
ผู้รักษาประตู-จิอันลุยจิ บุฟฟอน (อิตาลี) เบียดมากับ อีเคร์ คาซียาส ของ สเปน ชนิดกินกันไม่ลง ด้วยวัยแตะหลัก 34 ปี แต่ยังไว้ลายอดีตด่านสุดท้ายเบอร์ 1 ของโลกโชว์ความนิ่งเซฟดวลเป้าเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายคว่ำ อังกฤษ 4-2 โดยเฉพาะเกมรอบตัดเชือกที่เฉือน เยอรมนี 2-1 ต้องเจอกับพายุเกมบุกปัดป้องพัลวัน แต่สุดท้ายก็ประคองตัวผ่านเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
แบ็กซ้าย-ฆอร์ดี อัลบา (สเปน) ทัวร์นาเมนต์ระดับชาติครั้งแรกของแข้งวัย 23 ปี จาก บาเลนเซีย แต่ประสานกับรุ่นพี่แผงแบ็กโฟร์ได้อย่างลงตัว รวมถึงเติมเกมรุกผนึกกำลังกับ อันเดรียส อิเนียสตา จนทำให้ฝั่งซ้ายของ “กระทิงดุ” น่ากลัวผิดหูผิดตาแถมอุดจุดอ่อนจนไร้รอยโหว่ เผา มาติเยอ เดอบูชี แบ็กขวา ฝรั่งเศส เปิดให้ ชาบี อลอนโซ โหม่งประตูเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วย
เซนเตอร์ฮาล์ฟ-มัตส์ ฮุมเมิลส์ (เยอรมนี) ไม่ทราบว่า บาเยิร์น มิวนิก ปล่อยตัวให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ได้อย่างไร วัยแค่ 23 ปีเท่านั้น แต่เล่นได้อย่างแข็งแกร่งทางบอลดีทำให้นึกถึง เจอร์เกน โคห์เลอร์ ทำให้เบียด แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ หลุดไปเป็นตัวสำรอง แถมมีจังหวะจ่ายบอลงามๆ ให้เพื่อนอีกหลายครั้ง ถือเป็นแนวรับอนาคตไกลของ “อินทรีเหล็ก” อย่างแท้จริง
เซนเตอร์ฮาล์ฟ-เลโอนาร์โด โบนุคคี (อิตาลี) ถูกมอบหมายให้เป็นตัวแทนของ อันเดรีย บาร์ซายี ซึ่งเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเกมเสมอ สเปน และ โครเอเชีย ก่อนจะคืนสนามอีกครั้งเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ดวลจุดโทษเอาชนะ อังกฤษ ทดแทน จอร์โจ คิเอลลินี ที่บาดเจ็บ ก่อนที่เกมรอบตัดเชือก เซซาเร ปรันเดลลี คิดไม่ตกจึงส่งทั้ง 3 คนเล่นพร้อมกันจนสามารถล้ม เยอรมนี ได้สำเร็จ
แบ็กขวา-เธโอดอร์ เกเบร เซลาสซี (สาธารณรัฐเช็ก) น้อยคนนักที่จะรู้จักกองหลังวัย 25 ปี แม้เกมแรกจะโดน รัสเซีย เผา 1-4 แต่จากนั้น มิชาล บิเล็ค ก็ตบจนเกมรับเข้าที่เข้าทางคว้าอันดับ 1 ของกลุ่ม เซลาสซี มีสปีดที่เหลือเชื่อเติมขึ้นมาจ่ายให้เพื่อนยิงในชัยชนะเหนือ กรีซ 2-1 นอกจากนี้ ยังขึ้นมาลุ้นยิงประตูเองรวมถึง 3 ครั้ง ล่าสุด ถูก แวร์เดอร์ เบรเมน ดึงตัวไปร่วมค่ายแล้ว
กองกลาง-ซามี เคดิรา (เยอรมนี) แข้งแฟนสวยยกระดับฝีเท้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดใน ยูโร ครั้งนี้ หลังย้ายไปเล่นให้กับ รีล มาดริด นอกจากเกมรับที่ยังไม่บกพร่องสามารถเติมขึ้นมาต่อบอลสวยๆ หลายจังหวะและสอดเข้าไปส่องประตูได้หลายครั้งโดยเฉพาะลูกยิงประตูที่ 2 ขึ้นนำ กรีซ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ถือว่าสำคัญมากก่อนที่จะเอาชนะไป 4-2
กองกลาง-อันเดรีย ปิร์โล (อิตาลี) ได้รับคำชมล้นหลามรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ อิตาลี ชนะจุดโทษ อังกฤษ 4-2 รวมถึงลูกชิปกลางประตูหลอก โจ ฮาร์ท อย่างเยือกเย็น โดย “เรจิสตา” หรือเพลย์เมกเกอร์ที่จะยืนต่ำเป็นพิเศษในแผงมิดฟิลด์ลงเล่นทุกนาทีให้ “อัซซูรี” แสดงให้เห็นว่า คือ คนที่แบกทีมอย่างแท้จริงภายใต้สภาวะที่ทีมถูกปรามาสว่าเหมือนเป็นเพียงไม้ประดับก่อนหน้านี้
กองกลาง-อันเดรียส อิเนียสตา (สเปน) คือ หัวใจของ “กระทิงดุ” ในการขับเคลื่อนเกมรุกอย่างแท้จริงครองบอลเหนียวแน่น และลากเลื้อยได้เป็นอย่างดี น่าจะขึ้นมาแทน ชาบี เอร์นานเดซ อย่างเต็มตัวในอนาคต แม้ ยูโร 2012 จะป้อนให้เพื่อนน้อยไปหน่อยและยังยิงประตูไม่ได้เลย แต่ช่วยถ่างแนวรับของคู่ต่อสู้ได้ดีเยี่ยมเพราะเทคนิคอันเป็นเลิศไม่เป็นรองเพื่อนภายในทีมทุกคน
แนวรุกฝั่งขวา-เมซุต โอซิล (เยอรมนี) ถือเป็นแนวรุกจอมแอสซิสต์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งไหนในแผงกองกลาง จน โยอาคิม เลิฟ ไม่สามารถจะพักแข้งเชื้อสายตุรกีจาก รีล มาดริด ได้เลย เพราะการจ่ายบอลแบบ “คิลเลอร์พาส” ยูโร หนนี้ป้อนให้เพื่อนยิงไปแล้ว 3 ประตูเสียดายไม่สามารถพา “อินทรีเหล็ก” ไปถึงฝั่งฝัน แต่ผลงานส่วนตัวถือว่าได้มาตรฐาน
แนวรุกฝั่งซ้าย-คริสเตียโน โรนัลโด (โปรตุเกส) ถือเป็นคีย์แมนที่พาทีมฝ่าด่านอรหันต์ “กรุ๊ป ออฟ เดธ” ด้วยการซัดเบิ้ลนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ 2-1 รวมถึงอีก 1 ประตูจากการเฉือน สาธารณรัฐเช็ก 1-0 เข้าสู่รอบตัดเชือกก่อนจะจอดป้ายแพ้จุดโทษ สเปน ทั้งที่เล่นได้อย่างสูสี ส่วนตัวยังซัดชนเสาอีกนับไม่ถ้วนไม่เช่นนั้นคงขึ้นนำเดี่ยวดาวซัลไวไปแล้ว
กองหน้า-มาริโอ บาโลเตลลี (อิตาลี) ก่อนนัดชิงกับ สเปน ซัดไปแล้ว 3 ประตูขึ้นนำดาวซัลโวร่วม แต่ที่โดดเด่นสุดคงหนีไม่พ้น 2 ประตูเกมหักปีก “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี 2-1 รอบรองชนะเลิศ ด้วยวัย 21 ปีก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มถูกกดดันสารพัด ทั้งเหยียดผิวจากสื่อและแฟนบอล รวมถึงปรามาสว่าคงโดนตะเพิดจากนิสัยส่วนตัว แต่มาได้ไกลถึงขนาดนี้ถือว่าสอบผ่านฉลุย