ASTVผู้จัดการรายวัน - ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2012 เดินทางมาถึงนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม โดยคืนวันนี้ (19 มิ.ย.) “สิงโตคำราม” อังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชน ต้องยันไม่ให้แพ้เจ้าภาพร่วม ยูเครน เพื่อกรุยทางสู่รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย ขณะที่ “ตราไก่” ฝรั่งเศส เล่นกันชัวร์ลุ้นสยบ สวีเดน เพื่อการันตีอันดับ 1 กลุ่มดี
ยูเครน - อังกฤษ เตะเวลา 01.45 น.
โอเล็ก บล็อกคิน หวังนำ ยูเครน คว้าชัยในถิ่นพลิกสถานการณ์เข้ารอบให้จงได้ ผลเสมอไม่เพียงพอ เนื่องจากทีมมี 3 คะแนน ขณะที่ อังกฤษ เก็บไปแล้ว 4 แต้ม ดังนั้น เจ้าภาพร่วมต้องเปิดเกมบุกเต็มสูบ อย่างไรก็ตาม ยูเครน มีปัญหาในแนวรุก เมื่อ อังเดร เชฟเชนโก กองหน้าจอมเก๋าบาดเจ็บเข่าซ้าย กรณีฟิตไม่ทัน บล็อกคิน อาจต้องเลือก มาร์โก เดวิช หอกเชื้อสายเซิร์บล่าตาข่ายเคียงข้าง อังเดร โวโรนิน หรือให้ อาร์เตม มิเลฟสกี ที่รูปร่างสูงใหญ่ลงมาช่วยเก็บบอล แผงกลางบัญชาเกมโดย เซอร์เก นาซาเรนโก ปล่อยให้ อนาโตลี ติมอสชุค ตัดเกม ด้าน อังเดร ยาร์โมเลนโก ต้องลากเลื้อยให้สะเด่ากว่าเก่า ขณะที่แผงแบ็กโฟร์จะไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
ส่วน อังกฤษ การพ้นโทษแบนของ เวย์น รูนีย์ ตัวความหวังส่งผลให้ รอย ฮอดจ์สัน ตัดสินใจลำบากขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากศูนย์หน้าอย่าง แดนนี เวลเบ็ค กับ แอนดี คาร์โรลล์ กำลังเล่นได้ดี นัดนี้กุนซือจอมเก๋าส่อปรับมาเล่นในระบบ 4-4-1-1 เพื่อความรัดกุมโดย “รูน” รับบทบาทเพลย์เมกเกอร์ปั้นเกมอยู่ด้านหลัง เวลเบ็ค คู่หูในสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แอชลีย์ ยัง จะถ่างไปเล่นทางกราบตามถนัด เจมส์ มิลเนอร์ ปักหลักขึ้นเกมทางขวาเหมือนเดิม เหตุจาก ธีโอ วัลคอตต์ ที่ลงมาเป็นซูเปอร์ซับเปลี่ยนเกมนัดชนะสวีเดน 3-2 ดันบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า สำหรับแนวรับที่เล่นร่วมกันได้ดีจะแบ่งเบาภาระของ โจ ฮาร์ท ได้ไม่มากก็น้อย
ความน่าจะเป็นของเกม - ยูเครน มีทางเลือกเดียว คือ ต้องบุกเพื่อชัยชนะ ทว่าเกมรุกยังขาดๆ เกินๆ ไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร อีกทั้ง อังกฤษ ภายใต้การนำของ “ปู่รอย” ฮอดจ์สัน ขึ้นชื่อเรื่องเกมรับที่เหนียวแน่น แม้ต้องปรับเรื่องการป้องกันลูกเซตพีชอีกสักนิด แต่เชื่อว่าท้ายที่สุด “สิงโตคำราม” เอาอยู่ ใช้จังหวะสวนกลับลุ้นถึงเบียดชัย 1-0
ฝรั่งเศส - สวีเดน เตะเวลา 01.45 น.
โอกาสที่ ฝรั่งเศส จะลอยลำเข้ารอบเปิดกว้างจริงๆ เกิดพลาดท่าเสียที สวีเดน แล้วทาง ยูเครน ไล่อัด อังกฤษ เท่ากับว่า “ตราไก่” เฮดทูเฮดเท่ากับ “สิงโตคำราม” ทว่าลูกได้เสียฝรั่งเศสยังดีกว่า อย่างไรก็ตาม ด้วยโมเมนตัมที่กำลังเล่นกันได้ดีแถมยังต้องการอันดับ 1 ของกลุ่ม ทำให้ โลร็องต์ บล็องก์ สั่งลูกทีมเน้นเต็มที่ แต่ต้องกำชับ มาติเยอ เดบูชี, ฟิลิปป์ เม็กแซส และ เฌเรมี เมเนซ ที่มีใบเหลืองติดตัวลงสนามกันอย่างระมัดระวัง ส่วนแนวรุกจัดเต็ม คาริม เบนเซมา ตามหาสกอร์แรกเพื่อเรียกความมั่นใจ ฟรองค์ ริเบรี จึงยังจะลงปั้นเกมเหมือนเดิม ด้าน ซาเมียร์ นาสรี ถูกถอยต่ำไปช่วย โยฮัน กาบาย โดยมี อาลู ดิยาร์รา ปิดทองหลังพระตัดเกมคู่แข่งก่อนถึงแนวรับ
ด้าน สวีเดน ตกรอบไปอย่างน่าเจ็บใจทิ้งโอกาสทองทั้งนัดเจอ ยูเครน และ อังกฤษ ดังนั้น เอริค ฮามเรน จึงต้องการกู้ศักดิ์ศรีเก็บแต้มกลับบ้านให้ได้บ้าง นัดนี้ อันเดรียส กรานควิสท์ คงขยับเข้ามายืนเซ็นเตอร์คู่ โอลอฟ เมลเบิร์ก เนื่องจาก โยนาส โอลส์สัน ภรรยาเพิ่งคลอดบุตร มิเคล ลุสติก จึงได้คืนตำแหน่งแบ็กขวา แผงมิดฟิลด์ คริสเตียน วิลเฮล์มสัน ได้ลุ้นลงมากระชากทางกราบ ราสมุส เอล์ม ที่นัดก่อนขึ้นทางซ้ายมีสิทธิโดนถอด หรือไม่ก็กลับมาประจำการด้านในเหมือนเดิม ส่วนศูนย์หน้าตัวเป้า ฮามเรน ต้องตัดสินใจว่าจะให้ ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ยืนปั้นเกมอยู่ด้านหลังใครระหว่าง โยฮัน เอลมานเดอร์ หรือ มาร์คุส โรเซนเบิร์ก
ความน่าจะเป็นของเกม - ฝรั่งเศส ลงสนามด้วยความไม่กดดันนัก เกมรุกยังทำได้ดี แต่ต้องปรับจูนเรื่องเซตเพลย์จังหวะเข้าทำเพื่อให้เข้าที่สำหรับรอบน็อกเอาต์ที่รออยู่ กอปรกับ สวีเดน ไม่แน่นอนค่อนข้างมีข้อผิดพลาด ที่สุดแล้ว “ตราไก่” จะจิกชัยไปได้ 2-0
