xs
xsm
sm
md
lg

มหัศจรรย์สีฟ้า สู่ยุคทอง “เรือใบ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประวัติศาสตร์ของ ซิตี
เอเยนซี-ถือเป็นตอนจบศึก พรีเมียร์ชิป ฤดูกาลนี้ที่ดรามาเกินกว่าจะคาดเดากับการเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ประเทศอังกฤษ ครั้งแรกรอบ 44 ปีของ แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่ต้องรอจนถึงทดเวลาบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่งสัญญาณทันควัน ว่า ปีหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ไม่ยอมถูกยุค “เรือใบสีฟ้า” กลืนกินอย่างแน่นอน

แมนฯซิตี คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 3 ต่อจากปี 1937 และ 1968 แต่ถือว่าบีบหัวใจไม่น้อย เพราะโกงความตายช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากลูกยิงของ เอดิน เซโก และ เซร์คิโอ อกูเอโร พลิกชนะ ควีนสปาร์ก เรนเจอร์ส 3-2 ส่วน แมนฯยู ที่บุกชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0 ถึงกับเข่าอ่อนขณะลุ้นผลอีกสนาม สุดท้ายเป็น “เรือใบสีฟ้า” เข้าป้ายโดยมี 89 แต้มเท่ากัน แต่ประตูได้บวกมากกว่า 8 ลูก

ส่วนบทสรุปของฤดูกาล 2011-12 อาร์เซนอล เกี่ยวก้อยไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโนมัติ ด้าน ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ อันดับ 4 ต้องภาวนาให้ เชลซี แพ้ บาเยิร์น มิวนิค นัดชิงถ้วยยุโรปวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคมนี้ เพื่อที่จะได้ไม่มาเบียดโควตาในฐานะแชมป์เก่า สุดท้าย “น้องใหม่” รอดตายทั้งหมดที่ตกชั้น คือ โบลตัน วันเดอเรอร์ส แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

ถือเป็นครั้งแรกของเวที พรีเมียร์ชิป ที่ก่อตั้งมา 20 ปีต้องตัดสินแชมป์ด้วยประตูได้-เสีย ตลอดฤดูกาลเต็มไปด้วยสถานการณ์พลิกไปพลิกมา แมนฯยู เคยนำถึง 8 แต้ม ทำให้ โรแบร์โต มันชินี กุนซือ แมนฯซิตี ต้องออกมานิยามฤดูกาลที่เพิ่งรูดม่าน ว่า “เป็นการปิดฤดูกาลที่บ้ามาก เพราะผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ทีมที่ดีที่สุดย่อมคว้าแชมป์ และผมคิดว่าเราเล่นกันได้แบบนั้นจริงๆ ยิงมากที่สุด ชนะ แมนฯยู ทั้งเหย้า-เยือน จึงถือเป็นผลดีที่ทำให้เราประตูบวกมากกว่า”

“ต้องบอกว่า ผมภูมิใจในตัวนักเตะทุกคน เนื่องจากเล่นด้วยความกระหายแชมป์อย่างเห็นได้ชัด และทำงานกันหนักตลอดทั้งปีจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของวันสุดท้าย การล้มทีมแกร่งอย่าง แมนฯยู ต้องบอกว่า เหลือเชื่อมาก จากนี้ผมเชื่อว่าประวัติศาสตร์ของเราจะเปลี่ยนไปและเรื่องนี้น่าปลาบปลื้มอย่างยิ่ง” กุนซือชาวอิตาเลียน เผย

แต่ก็ถือว่า ชีค มันซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน เจ้าของทีมมหาเศรษฐีชาวสหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์ ไว้ใจถูกคนที่ดึง มันชินี เข้ามาคุมทัพเมื่อปลายปี 2009 และสามารถทำให้ แมนฯซิตี มีแชมป์ติดมือ 2 ปีซ้อนตั้งแต่ถ้วย เอฟเอ คัพ เมื่อปีที่แล้วที่ถือเป็นโทรฟีย์ระดับเมเจอร์รอบ 35 ปีตามด้วยแชมป์ลีกปีนี้จึงถือว่ามีการยกระดับขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ด้าน แมนฯยู ที่ถูกกระชากตกบัลลังก์ เซอร์ อเล็กซ์ ไว้ลายออกมาบอกว่าไม่มีทางที่ยุคของ แมนฯซิตี จะคืบคลานเข้ามา “ซิตี สามารถประสบความสำเร็จมากแค่ไหนก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ แต่ประวัติศาสตร์แห่งสโมสรก็ยังคงอยู่เคียงข้างเรา ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องไปกังวลกับเรื่องแบบนั้น ผมคิดว่า พวกเรามีประวัติศาสตร์ความสำเร็จที่ยาวนานเหนือใครๆ และคงต้องใช้เวลาอีก 1 ศตวรรษที่จะก้าวขึ้นมามีประวัติศาสตร์เทียบเท่ากับเรา”

เหมือนเดจาวู เพราะเมื่อฤดูกาล 1967-68 แมนฯซิตี คว้าแชมป์ลีกครั้งนั้นเป็นการเบียด แมนฯยู เข้าป้ายโดยมีมากกว่า 2 แต้ม จากการแข่งขันระบบ 42 นั้น แต่เหนืออื่นใดก็ต้องบอกว่าปีนี้น่าจะจบไปนานแล้วถ้า “ผีแดง” ไม่สะดุดขาตัวเองโดยเฉพาะเกมที่เปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นำ เอฟเวอร์ตัน 4-2 แต่สุดท้ายกลับเสมอกันไป

ฤดูกาลหน้าดีกรีความมันน่าจะทวีความรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่ง แมนฯซิตี ภายใต้การนำของเจ้าของทีมที่มีความทะเยอทะยานและเงินถึงแบบนี้น่าจะตั้งเป้าไว้สูงสุดกับการคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก จึงต้องจับตาการเสริมทัพซัมเมอร์นี้ ว่า จะเขย่าวงการได้อีกหรือไม่ ส่วน เซอร์ อเล็กซ์ เหมือนได้ยาโด๊ปในวัย 70 ปี เป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้พา แมนฯยู กลับมา เพราะกำลังเผชิญกับผู้ท้าทายใหม่ที่ถือว่าไม่ใช่ครั้งแรก เหมือนตอนถูก เชลซี คว้าแชมป์ 2 สมัยติดปี 2005-06 ก็สามารถที่จะกลับมาได้ด้วยการกระชากคืนมา 3 สมัยซ้อน แต่หาก “ผีแดง” ไม่ทำอะไรสักอย่างคงยากที่จะกลับมายังจุดที่เคยยืนอีกครั้ง
มันชินี กับแชมป์ พรีเมียร์ชิป
สาวก ซิตี สิ้นสุดการรอคอย 44 ปี
ป๋า เจอกับผู้ท้าทายใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น