จอห์น เทอร์รี กองหลังกัปตันทีม “สิงห์บลู” เชลซี สุดปลื้ม หลังเป็นกับตันทีมคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ชูถ้วย เอฟเอ คัพ ถึง 4 ครั้ง ในการเล่นให้ทีมเดียว ขณะที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด อีกหนึ่งคีย์แมนคนสำคัญของเชลซี รอคอยที่จะสร้างเกียรติประวัติให้แก่ตนเอง คว้าแชมป์รายการที่ 10 โดยหวังโค่น บาเยิร์น มิวนิค ในนัดชิงชนะเลิศที่ อลิอันซ์ อารีนา คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกให้จงได้
เชลซี เพิ่งได้แชมป์ เอฟเอ คัพ หลังเฉือนชนะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งที่ 4 ของเทอร์รีที่ได้สัมผัสถ้วยแชมป์รายการนี้ หลังจากที่เคยนำทีมคว้าแชมป์เมื่อปี 2007, 2009 และปี 2010
นักเตะทีมชาติอังกฤษ กล่าวว่า “มันเป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อ และความซื่อสัตย์ที่ผมมีต่อเชลซีก็ส่งผลเป็นความสำเร็จเช่นนี้ ที่นี่คือสโมสรที่ยอดเยี่ยม และผมก็รู้สึกโชคดีที่ได้เป็นกัปตันทีมให้กับทีมที่สุดยอดเช่นนี้”
นอกจากนี้ กองหลังวัย 31 ปี ยังเชื่อมั่นว่า การคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ของเชลซี สร้างขวัญกำลังใจยอดเยี่ยมในการที่ลงเผชิญหน้าครั้งสำคัญกับบาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมจากเยอรมนี ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศที่จะมีขึ้นกลางเดือนพฤษภาคมนี้
“ผมคิดว่า มันเยี่ยมยอดมาก เราจะนั่งดูว่าลีกจะจบลงเช่นไร แต่ตอนนี้เราเหลือเวลาเพียง 2 สัปดาห์ในการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนนัดชิงชนะเลิศจะมีขึ้น และตอนนี้เรามีกำลังใจจากการที่มีคนตัดชื่อเราออกจากทีมลุ้นแชมป์ เราถูกตั้งคำถามเรื่องความสามัคคี และฟอร์มการเล่น ซึ่งมันเป็นแรงกระตุ้นที่ดีมากๆ ให้แก่เรา” ปราการหลังจอมแกร่ง กล่าว
ทางด้านอีกหนึ่งผู้เล่นคนสำคัญของเชลซี แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็ตั้งตาคอยที่จะคว้าแชมป์รายการที่ 10 ในชีวิตให้ได้ในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่จะพบกับ “เสือใต้” เพื่อเป็นเกียรติประวัติให้แก่ตัวเองเช่นกัน
อดีตกองกลางเวสต์แฮม ที่เตรียมสวมปลอกแขนกัปตันทีมแทน เทอร์รี ในนัดชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับ บาเยิร์น มิวนิค กล่าวว่า “ผมได้แชมป์เอฟเอ คัพ 4 สมัย พรีเมียร์ลีก 3 สมัย และถ้วยคาร์ลิง คัพ 2 สมัย แชมป์เหล่านั้นเป็น 9 แชมป์ที่สุดยอด แต่มันจะสุดยอดกว่านี้ หากผมได้แชมป์รายการที่ 10”
“ผมไม่เคยคิดว่าจะประสบความสำเร็จอะไรเช่นนี้ นับตั้งแต่ย้ายมาจากเวสต์แฮม ผมรู้ว่า เชลซีเป็นสโมสรใหญ่ และมันก็เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน” กองกลางวัย 33 ปี กล่าว
มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ภายในประเทศได้ทุกถ้วย ตลอดการค้าแข้งเป็นเวลา 11 ปีที่ถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เหลือเพียงแต่แชมป์ยุโรปเท่านั้น และเขาก็หวังว่าการรอคอยอันยาวนานจะสิ้นสุดลงในนัดชิงชนะเลิศ ที่อลิอันซ์ อารีนา ในวันที่ 19 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้