คอลัมน์ “The Golf Touch” โดย “วันปีย์ สัจจมาร์ค”
สัปดาห์ที่ผ่านมาในรายการ Zurich Classic of New Orleans “TheWaggler” เจสัน ดัฟเนอร์ เล่นได้อย่างเหนียวแน่นตลอดทั้งสัปดาห์จนสามารถคว้าแชมป์ได้สําเร็จ แม้จะบี้มากับ “The Big Easy” เออร์นี เอลส์ อย่างสูสี ช็อตต่อช็อต สุดท้ายก็เป็น เจสัน ดัฟเนอร์ ที่เอาชนะไปได้ในการเพลย์ออฟหลุมที่ 2 แต่ที่หลุม 18 ในรอบปกตินั้นได้มีบทเรียนสําคัญให้เราได้ดูเอาไว้เพื่อเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกเล่นช็อตต่อไป
ก่อนเริ่มการแข่งขันในรอบสุดท้าย เอลส์ ได้พูดคุยกันกับแค้ดดี้คู่บุญอย่าง ริคกี โรเบิร์ต และก็ได้ข้อสรุปว่า “แชมป์น่าจะอยู่ที่ 20 อันเดอร์พาร์” ซึ่งตัวเขานั้นเล่นอยู่กลุ่มรองสุดท้าย (ก่อนกลุ่ม ดัฟเนอร์) ขณะที่เขาไดร์ฟออกไปในแฟร์เวย์หลุม 18 พาร์ 5 ในรอบปกตินั้น เขาและ ดัฟเนอร์ มีคะแนนเท่ากันอยู่ที่ 19 อันเดอร์พาร์ ทําให้สถานการณ์ก่อนขึ้นช็อตที่สองที่ระยะ 245 หลา เนื่องจากเป็นพาร์ 5 ที่สามารถทําเบอร์ดีได้อย่างไม่ยากนัก แล้วก็ไม่รู้ว่า ดัฟเนอร์ที่เล่นตามมาจะออกอะไร เอลส์ จึงจําเป็นที่จะต้องบุกเพื่อทําเบอร์ดีกดดันดัฟเนอร์ ก่อน โดยเขาได้รับคําแนะนําจาก ริคกี โรเบิร์ต ว่า “ตําแหน่งที่ลูกอยู่เป็นไลน์หลังสูงหน้าตํา และ 228 หลาจะเคลียร์บังเกอร์หน้ากรีน” โดยปกติแล้วไลน์ลักษณะนี้ ลูกที่ออกไปจะต่ำกว่าปกติแน่นอน ยิ่งถ้าเราต้องใช้เหล็กหน้าตั้ง (เหล็กยาว) ด้วยแล้ว ยิ่งยากต่อการตีให้ลอยสูงและตกหยุด ซึ่งตัวเอลส์ก็ชั่งใจอยู่ว่าจะตีด้วยเหล็ก 4 หรือ 5 ดี แต่เนื่องจากเป็นคนที่ระเบิดทรายดีอยู่แล้ว เขาจึงเลือกเหล็ก 4 แม้จะโดนไม่ดีนักทําให้พลาดตกทราย แต่เขาก็ยังทําสองพัตต์ได้พาร์ไป
ในขณะสถานการณ์ก่อนเล่นช็อตสองของ ดัฟเนอร์ นั้น จะต่างกับเอลส์ตรงที่เขาได้เห็นหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในตอนนี้เขาสามารถวัดดวงตีบุกเพื่อให้รู้ดํารู้แดงกับเอลส์ไปเลย หรือจะตีเซฟแล้วไปลุ้นทํา 1 ชิป 1 พัตต์ เอาก็ได้ แต่ด้วยความที่ลูกอยู่ในรัฟ แม้จะโชคดีอยู่บ้างที่ลูกลอย เพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถยืนในลักษณะปกติได้ เนื่องจากขาซ้ายนั้นอยู่ต่ำลงไปในสโลปของขอบบังเกอร์ ซึ่งลูกที่ตีออกไปอาจจะสไลซ์ออกขวาและทําให้ตกน้ำได้แม้ว่าในหลุมสุดท้ายนี้เขาได้ เบอร์ด,อีเกิ้ล,เบอร์ดี้ มาใน 3 รอบแรก และตอนนี้เขาก็รู้ด้วยว่าถ้าเขาหยิบไม้ 3 ตี 2 ออนแล้วทํา 2 พัตต์ เขาจะเป็นแชมป์ทันที! หลังจากที่พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว เขาตัดสินใจตัดความเสี่ยงออกไปและให้โอกาสตัวเองโดยใช้ Hybrids จับกริฟต่ำลงมาตีแทงไปแปะไว้หน้ากรีนก่อน แล้วค่อยไปลุ้นทํา 1 ชิป 1 พัตต์เอา แม้ว่าเขาจะทําไม่สําเร็จได้แค่พาร์ แต่ที่สําคัญคือ “เขายังไม่แพ้และมีโอกาสที่จะสู้ต่อ”
ลองพิจารณาหลายๆ ด้านดูนะครับ ดูผลกําไรและความเสี่ยงให้ดีๆ ทุกคนสามารถเลือกแนวทางของตัวเองได้ ในสถานการณ์นี้แม้ ดัฟเนอร์ ไม่เลือกบุกออกหัวออกก้อยเหมือนเออร์นี่ เอลส์ แต่การตัดสินใจของเขาส่งผลให้เขาได้มีโอกาสเพลย์ออฟ และก็สมหวังไปในที่สุด
สัปดาห์ที่ผ่านมาในรายการ Zurich Classic of New Orleans “TheWaggler” เจสัน ดัฟเนอร์ เล่นได้อย่างเหนียวแน่นตลอดทั้งสัปดาห์จนสามารถคว้าแชมป์ได้สําเร็จ แม้จะบี้มากับ “The Big Easy” เออร์นี เอลส์ อย่างสูสี ช็อตต่อช็อต สุดท้ายก็เป็น เจสัน ดัฟเนอร์ ที่เอาชนะไปได้ในการเพลย์ออฟหลุมที่ 2 แต่ที่หลุม 18 ในรอบปกตินั้นได้มีบทเรียนสําคัญให้เราได้ดูเอาไว้เพื่อเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกเล่นช็อตต่อไป
ก่อนเริ่มการแข่งขันในรอบสุดท้าย เอลส์ ได้พูดคุยกันกับแค้ดดี้คู่บุญอย่าง ริคกี โรเบิร์ต และก็ได้ข้อสรุปว่า “แชมป์น่าจะอยู่ที่ 20 อันเดอร์พาร์” ซึ่งตัวเขานั้นเล่นอยู่กลุ่มรองสุดท้าย (ก่อนกลุ่ม ดัฟเนอร์) ขณะที่เขาไดร์ฟออกไปในแฟร์เวย์หลุม 18 พาร์ 5 ในรอบปกตินั้น เขาและ ดัฟเนอร์ มีคะแนนเท่ากันอยู่ที่ 19 อันเดอร์พาร์ ทําให้สถานการณ์ก่อนขึ้นช็อตที่สองที่ระยะ 245 หลา เนื่องจากเป็นพาร์ 5 ที่สามารถทําเบอร์ดีได้อย่างไม่ยากนัก แล้วก็ไม่รู้ว่า ดัฟเนอร์ที่เล่นตามมาจะออกอะไร เอลส์ จึงจําเป็นที่จะต้องบุกเพื่อทําเบอร์ดีกดดันดัฟเนอร์ ก่อน โดยเขาได้รับคําแนะนําจาก ริคกี โรเบิร์ต ว่า “ตําแหน่งที่ลูกอยู่เป็นไลน์หลังสูงหน้าตํา และ 228 หลาจะเคลียร์บังเกอร์หน้ากรีน” โดยปกติแล้วไลน์ลักษณะนี้ ลูกที่ออกไปจะต่ำกว่าปกติแน่นอน ยิ่งถ้าเราต้องใช้เหล็กหน้าตั้ง (เหล็กยาว) ด้วยแล้ว ยิ่งยากต่อการตีให้ลอยสูงและตกหยุด ซึ่งตัวเอลส์ก็ชั่งใจอยู่ว่าจะตีด้วยเหล็ก 4 หรือ 5 ดี แต่เนื่องจากเป็นคนที่ระเบิดทรายดีอยู่แล้ว เขาจึงเลือกเหล็ก 4 แม้จะโดนไม่ดีนักทําให้พลาดตกทราย แต่เขาก็ยังทําสองพัตต์ได้พาร์ไป
ในขณะสถานการณ์ก่อนเล่นช็อตสองของ ดัฟเนอร์ นั้น จะต่างกับเอลส์ตรงที่เขาได้เห็นหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในตอนนี้เขาสามารถวัดดวงตีบุกเพื่อให้รู้ดํารู้แดงกับเอลส์ไปเลย หรือจะตีเซฟแล้วไปลุ้นทํา 1 ชิป 1 พัตต์ เอาก็ได้ แต่ด้วยความที่ลูกอยู่ในรัฟ แม้จะโชคดีอยู่บ้างที่ลูกลอย เพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถยืนในลักษณะปกติได้ เนื่องจากขาซ้ายนั้นอยู่ต่ำลงไปในสโลปของขอบบังเกอร์ ซึ่งลูกที่ตีออกไปอาจจะสไลซ์ออกขวาและทําให้ตกน้ำได้แม้ว่าในหลุมสุดท้ายนี้เขาได้ เบอร์ด,อีเกิ้ล,เบอร์ดี้ มาใน 3 รอบแรก และตอนนี้เขาก็รู้ด้วยว่าถ้าเขาหยิบไม้ 3 ตี 2 ออนแล้วทํา 2 พัตต์ เขาจะเป็นแชมป์ทันที! หลังจากที่พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว เขาตัดสินใจตัดความเสี่ยงออกไปและให้โอกาสตัวเองโดยใช้ Hybrids จับกริฟต่ำลงมาตีแทงไปแปะไว้หน้ากรีนก่อน แล้วค่อยไปลุ้นทํา 1 ชิป 1 พัตต์เอา แม้ว่าเขาจะทําไม่สําเร็จได้แค่พาร์ แต่ที่สําคัญคือ “เขายังไม่แพ้และมีโอกาสที่จะสู้ต่อ”
ลองพิจารณาหลายๆ ด้านดูนะครับ ดูผลกําไรและความเสี่ยงให้ดีๆ ทุกคนสามารถเลือกแนวทางของตัวเองได้ ในสถานการณ์นี้แม้ ดัฟเนอร์ ไม่เลือกบุกออกหัวออกก้อยเหมือนเออร์นี่ เอลส์ แต่การตัดสินใจของเขาส่งผลให้เขาได้มีโอกาสเพลย์ออฟ และก็สมหวังไปในที่สุด