เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เชื่อมั่นว่า ทีมยังมีโอกาสเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก หากเอาชนะ กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ จากจีนได้ในเกมนัดสุดท้าย 15 พ.ค.นี้ พร้อมเตรียมนำประสบการณ์ที่ได้จากการลงเล่นเอเอฟซีในปีนี้ มาแก้ไขข้อผิดพลาดของทีมก่อนกลับมาเล่นอีกครั้งในอนาคต ขณะที่ขุนพล “เซราะกราว” เดินทางถึงไทยแล้วเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (2 พ.ค.)
เมื่อคืนวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา “ปราสาทสายฟ้า” บุกไปแพ้ คาชิวะ เรย์โซล ทีมดังของเจลีก ประเทศญี่ปุ่นไป 0-1 ส่งผลให้แชมป์ไทยลีก หล่นมาอยู่บ๊วยของกลุ่มเอช มี 6 แต้มเท่าเดิม อย่างไรก็ตาม ทุกทีมในกลุ่มยังมีโอกาสเข้ารอบ เนื่องจากมีแต้มไม่ห่างกันมากนัก ซึ่งเกมในวันที่ 15 พ.ค.นี้ คู่ระหว่าง ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส-คาชิวะ เรย์โซล และ บุรีรัมย์ ยูไนต็ด-กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ ทีมใดเก็บชัยชนะได้ก็จะเข้ารอบต่อไปทันที
โดย เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แสดงทรรศนะถึงเกมนัดล่าสุด ว่า “ผมคิดว่า เราโชคไม่ดีที่เสียประตู และโดนใบแดงอย่างรวดเร็ว ทำให้พลาดเก็บแต้มกลับบ้าน และทำให้โอกาสเข้ารอบของเราลดน้อยลง ซึ่งผมต้องขอโทษแฟนบอลบุรีรัมย์ทุกคนที่ทีมทำผลงานได้น่าผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ทุกทีมในกลุ่มยังมีโอกาสเข้ารอบ ซึ่งเกมนัดสุดท้าย เราจะต้องเอาชนะ กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ ให้ได้ เพื่อผ่านเข้ารอบต่อไป ตามเป้าหมายที่วางไว้”
ขณะเดียวกัน บิ๊กเน เผยอีกว่า “จากผลงาน 5 นัดที่ผ่านมา ผมคิดว่า เราได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ มามากมาย โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ การที่ผู้เล่นชาวไทยของเราเล่นได้เป็นอย่างดี และมีศักยภาพแกร่งพอที่จะต่อกรกับทีมระดับเอเชียได้อย่างสูสี โดยจากนี้ไป ผมหวังว่าประสบการณ์ดังกล่าวจะช่วยทำให้ทีมแข็งแกร่งและพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น และมีโอกาสกลับมาเล่นเอเอฟซี อีกครั้งในฤดูกาลต่อๆ ไป”
ขณะที่ ขุนพลปราสาทสายฟ้า พร้อมกองเชียร์ที่เดินทางไปเชียร์ทีมรักถึงประเทศญี่ปุ่น ก็ได้เดินทางกลับสู่เมืองไทยแล้ว เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 2 พ.ค.ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนที่นักเตะพร้อมทีมงานจะนั่งรถบัสกลับไปยังจ.บุรีรัมย์ เพื่อเตรียมตัวทำศึกไทยพรีเมียร์ลีก กับ วัวชน ยูไนเต็ด ณ สนามนิว-ไอโมบาย สเตเดียม วันที่ 7 พ.ค.นี้
เมื่อคืนวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา “ปราสาทสายฟ้า” บุกไปแพ้ คาชิวะ เรย์โซล ทีมดังของเจลีก ประเทศญี่ปุ่นไป 0-1 ส่งผลให้แชมป์ไทยลีก หล่นมาอยู่บ๊วยของกลุ่มเอช มี 6 แต้มเท่าเดิม อย่างไรก็ตาม ทุกทีมในกลุ่มยังมีโอกาสเข้ารอบ เนื่องจากมีแต้มไม่ห่างกันมากนัก ซึ่งเกมในวันที่ 15 พ.ค.นี้ คู่ระหว่าง ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส-คาชิวะ เรย์โซล และ บุรีรัมย์ ยูไนต็ด-กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ ทีมใดเก็บชัยชนะได้ก็จะเข้ารอบต่อไปทันที
โดย เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แสดงทรรศนะถึงเกมนัดล่าสุด ว่า “ผมคิดว่า เราโชคไม่ดีที่เสียประตู และโดนใบแดงอย่างรวดเร็ว ทำให้พลาดเก็บแต้มกลับบ้าน และทำให้โอกาสเข้ารอบของเราลดน้อยลง ซึ่งผมต้องขอโทษแฟนบอลบุรีรัมย์ทุกคนที่ทีมทำผลงานได้น่าผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ทุกทีมในกลุ่มยังมีโอกาสเข้ารอบ ซึ่งเกมนัดสุดท้าย เราจะต้องเอาชนะ กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ ให้ได้ เพื่อผ่านเข้ารอบต่อไป ตามเป้าหมายที่วางไว้”
ขณะเดียวกัน บิ๊กเน เผยอีกว่า “จากผลงาน 5 นัดที่ผ่านมา ผมคิดว่า เราได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ มามากมาย โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ การที่ผู้เล่นชาวไทยของเราเล่นได้เป็นอย่างดี และมีศักยภาพแกร่งพอที่จะต่อกรกับทีมระดับเอเชียได้อย่างสูสี โดยจากนี้ไป ผมหวังว่าประสบการณ์ดังกล่าวจะช่วยทำให้ทีมแข็งแกร่งและพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น และมีโอกาสกลับมาเล่นเอเอฟซี อีกครั้งในฤดูกาลต่อๆ ไป”
ขณะที่ ขุนพลปราสาทสายฟ้า พร้อมกองเชียร์ที่เดินทางไปเชียร์ทีมรักถึงประเทศญี่ปุ่น ก็ได้เดินทางกลับสู่เมืองไทยแล้ว เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 2 พ.ค.ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนที่นักเตะพร้อมทีมงานจะนั่งรถบัสกลับไปยังจ.บุรีรัมย์ เพื่อเตรียมตัวทำศึกไทยพรีเมียร์ลีก กับ วัวชน ยูไนเต็ด ณ สนามนิว-ไอโมบาย สเตเดียม วันที่ 7 พ.ค.นี้