ASTVผู้จัดการรายวัน - ดูเหมือนว่า ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน จะกลายเป็นเค้กชิ้นใหม่ที่แฟนบอล และนักลงทุนชาวไทยเริ่มจะหันไปให้ความสนใจนอกเหนือไปจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษซึ่งครองพื้นที่หมายเลขหนึ่งในฐานะศึกลูกหนังที่คนไทยในมาอย่างยาวนาน โดยการขยับตัวล่าสุดของ ค่าย “ช้าง” ที่เปิดตัวไปเมื่อวันอังคารที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ในฐานะซึ่งการเปิดตัวของค่ายเพลงดังอย่าง อาร์เอส กับ อาร์เอส สปอร์ต ลาลีกา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา “ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ” กับ 2 สโมสรดังของลีกสเปนอย่าง รีล มาดริด และ บาร์เซโลนา ทั้งหมดเหมือนเป็นสัญญาณอันชัดเจนว่า ลีกอาชีพจากเมืองกระทิงดุ กำลังคืบคลานเข้ามาแย่งส่วนแบ่งแฟนลูกหนังชาวไทย จากที่แต่เดิมเป็นของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกือบจะหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
หากย้อนกลับไปในปี 2004 “ช้าง” เรียกเสียงฮือฮาในการใช้ฟุตบอล เป็นหัวหอกหลักของ กลยุทธ์ สปอร์ต-มาร์เกตติง ด้วยการนำเอาตราสัญลักษณ์เป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอก สโมสรดังของเมืองลิเวอร์พูลอย่างเอฟเวอร์ตัน จนประสบความสำเร็จ และสามารถขยายฐานการตลาดในอังกฤษได้มากขึ้น พร้อมสร้างภาพลักษณ์ตัวสินค้ายังต่างประเทศอย่างชัดเจน จนทำให้คู่แข่งรายอื่นงัดยุทธวิธีนี้มาใช้ และตบเท้าบุกวงการฟุตบอล พรีเมียร์ชิป ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นายสรกฤต ลัทธิธรรม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราช้าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เกตติง จำกัด เผยระหว่างเหินฟ้ามาเซ็นสัญญา 3 ปี เป็นพาร์ทเนอร์กับ รีล มาดริด และ บาร์เซโลนา ที่สเปน ว่า การกลับมาครั้งนี้ไม่ได้หวังจะเป็นการเอาคืนค่ายคู่แข่งหากแต่เป็นการเปิดตลาดใหม่ และตอกย้ำแบรนด์ในการให้ความสนับสนุนกับทีมดังอย่าง รีล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ที่มีผลงานในระดับยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ซึ่งทำให้มีแฟนบอลในเมืองไทยและอาเซียน ให้ความสนใจไม่น้อย อันจะเป็นที่มาของแคมเปญใหม่ภายใต้แนวคิด “Live Like You Mean It!” (ชีวิตของเราใช้ซะ)”
การให้ความสนับสนุนในกับสองทีมดังในสเปนของช้างในครั้งนี้ นับว่าไม่ธรรมดา เพราะประจวบเหมาะกับที่ค่ายเพลงชื่อดังอย่าง อาร์เอสทำการเปิดตัว อาร์เอส สปอร์ต ลาลีกา ซึ่งน่าจะช่วยส่งเสริมให้สองสโมสรได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน การที่ “ช้าง” ให้ความสนับสนุนสองสโมสรที่เปรียบเสมือน “พี่เบิ้ม” แห่ง ลา ลีกา ซึ่งการเซ็นสัญญาครั้งนี้ “ช้าง” ไม่ได้มองเพียงแค่ รีล มาดริด และ บาร์เซโลนา คือยอดทีมของโลกเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่จะแข่งขันกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านกับพรีเมียร์ชิป อังกฤษโดยคุณสรกฤต เผยว่า
“เห็นได้จากตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา เกมลีกแดนกระทิงดุจะแข่งหลังเที่ยงคืนโดยตลอด แต่ 1-2 ฤดูกาลนี้ได้มีการปรับและกระจายถ่ายตามช่วงเวลาต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะ 5-6 โมงเย็นตามเวลาบ้านเรา แต่ยังคงคอนเซ็ปต์เกมคู่ดึกเวลาตี 3 และ 4 อยู่ เราได้เล็งเห็นตรงจุดนี้ว่าการต่อสู้ระหว่าง 2 ลีกจะรุนแรงขึ้นจึงได้เข้ามา”
เมื่อมีสินค้าจากเมืองไทยเป็นสปอนเซอร์ แน่นอนว่า แฟนลูกต่างคาดหวังว่าจะได้สองยอดทีมแห่งยุโรปในเมืองไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้น อาจต้องรอกันอีกนิด เนื่องจากมีศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2012 ที่ ยูเครน และ โปแลนด์ ระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน - 1 กรกฎาคมนี้ สเปน หมายมั่นปั้นมือและมั่นใจมากว่าจะป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ ส่วน บาร์ซา ได้มีแผนอยู่ก่อนหน้าแล้วว่าจะไม่มาทวีปเอเชียช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ ช่วงแรกทาง “ช้าง” และสองสโมสรดัง จะเน้นไปที่เรื่องของการพัฒนาเยาวชนไทย ทั้งในเรื่องของการเดินทางไปฝึกซ้อมหรือดึงโค้ชที่มีประสบการณ์มาช่วยเพื่อให้ตรงกับความต้องการเริ่มแรกของแคมเปญนี้คือ “Live Like You Mean It!” (ชีวิตของเราใช้ซะ)”
ทั้งหมดนี้ คือ การขยับตัวอีกครั้งของ “ช้าง” กับการใช้ฟุตบอลทำการตลาด และดูเหมือนว่าจะเป็นการเลือกที่ถูกที่ถูกเวลามิใช่น้อย เพราะสองทีมดังอย่าง บาร์เซโลนา และ รีล มาดริด นั้นมีลุ้นผลงานทั้งคู่โดยในรายแรก มีลุ้นที่ถ้วย โคปา เดอ เรย์ ที่ต้องพบกับ แอธเลติก บิลเบา ในนัดชิง ขณะที่รายหลังนั้นต้องเรียกว่า เตรียมทำผลงานชิ้นโบแดง เพราะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ไปพบกับเชลซี ในแชมเปียนส์ ลีก วันที่ 19 พฤษภาคม และเมื่อถึงเวลานั้น แบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจากเมืองไทย คงได้ “ใช้ซะ!” อย่างเต็มที่แน่นอน
รายงานพิเศษจากสเปน โดย สรเดช เพชรแสงใสกุล
หากย้อนกลับไปในปี 2004 “ช้าง” เรียกเสียงฮือฮาในการใช้ฟุตบอล เป็นหัวหอกหลักของ กลยุทธ์ สปอร์ต-มาร์เกตติง ด้วยการนำเอาตราสัญลักษณ์เป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอก สโมสรดังของเมืองลิเวอร์พูลอย่างเอฟเวอร์ตัน จนประสบความสำเร็จ และสามารถขยายฐานการตลาดในอังกฤษได้มากขึ้น พร้อมสร้างภาพลักษณ์ตัวสินค้ายังต่างประเทศอย่างชัดเจน จนทำให้คู่แข่งรายอื่นงัดยุทธวิธีนี้มาใช้ และตบเท้าบุกวงการฟุตบอล พรีเมียร์ชิป ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นายสรกฤต ลัทธิธรรม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราช้าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เกตติง จำกัด เผยระหว่างเหินฟ้ามาเซ็นสัญญา 3 ปี เป็นพาร์ทเนอร์กับ รีล มาดริด และ บาร์เซโลนา ที่สเปน ว่า การกลับมาครั้งนี้ไม่ได้หวังจะเป็นการเอาคืนค่ายคู่แข่งหากแต่เป็นการเปิดตลาดใหม่ และตอกย้ำแบรนด์ในการให้ความสนับสนุนกับทีมดังอย่าง รีล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ที่มีผลงานในระดับยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ซึ่งทำให้มีแฟนบอลในเมืองไทยและอาเซียน ให้ความสนใจไม่น้อย อันจะเป็นที่มาของแคมเปญใหม่ภายใต้แนวคิด “Live Like You Mean It!” (ชีวิตของเราใช้ซะ)”
การให้ความสนับสนุนในกับสองทีมดังในสเปนของช้างในครั้งนี้ นับว่าไม่ธรรมดา เพราะประจวบเหมาะกับที่ค่ายเพลงชื่อดังอย่าง อาร์เอสทำการเปิดตัว อาร์เอส สปอร์ต ลาลีกา ซึ่งน่าจะช่วยส่งเสริมให้สองสโมสรได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน การที่ “ช้าง” ให้ความสนับสนุนสองสโมสรที่เปรียบเสมือน “พี่เบิ้ม” แห่ง ลา ลีกา ซึ่งการเซ็นสัญญาครั้งนี้ “ช้าง” ไม่ได้มองเพียงแค่ รีล มาดริด และ บาร์เซโลนา คือยอดทีมของโลกเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่จะแข่งขันกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านกับพรีเมียร์ชิป อังกฤษโดยคุณสรกฤต เผยว่า
“เห็นได้จากตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา เกมลีกแดนกระทิงดุจะแข่งหลังเที่ยงคืนโดยตลอด แต่ 1-2 ฤดูกาลนี้ได้มีการปรับและกระจายถ่ายตามช่วงเวลาต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะ 5-6 โมงเย็นตามเวลาบ้านเรา แต่ยังคงคอนเซ็ปต์เกมคู่ดึกเวลาตี 3 และ 4 อยู่ เราได้เล็งเห็นตรงจุดนี้ว่าการต่อสู้ระหว่าง 2 ลีกจะรุนแรงขึ้นจึงได้เข้ามา”
เมื่อมีสินค้าจากเมืองไทยเป็นสปอนเซอร์ แน่นอนว่า แฟนลูกต่างคาดหวังว่าจะได้สองยอดทีมแห่งยุโรปในเมืองไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้น อาจต้องรอกันอีกนิด เนื่องจากมีศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2012 ที่ ยูเครน และ โปแลนด์ ระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน - 1 กรกฎาคมนี้ สเปน หมายมั่นปั้นมือและมั่นใจมากว่าจะป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ ส่วน บาร์ซา ได้มีแผนอยู่ก่อนหน้าแล้วว่าจะไม่มาทวีปเอเชียช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ ช่วงแรกทาง “ช้าง” และสองสโมสรดัง จะเน้นไปที่เรื่องของการพัฒนาเยาวชนไทย ทั้งในเรื่องของการเดินทางไปฝึกซ้อมหรือดึงโค้ชที่มีประสบการณ์มาช่วยเพื่อให้ตรงกับความต้องการเริ่มแรกของแคมเปญนี้คือ “Live Like You Mean It!” (ชีวิตของเราใช้ซะ)”
ทั้งหมดนี้ คือ การขยับตัวอีกครั้งของ “ช้าง” กับการใช้ฟุตบอลทำการตลาด และดูเหมือนว่าจะเป็นการเลือกที่ถูกที่ถูกเวลามิใช่น้อย เพราะสองทีมดังอย่าง บาร์เซโลนา และ รีล มาดริด นั้นมีลุ้นผลงานทั้งคู่โดยในรายแรก มีลุ้นที่ถ้วย โคปา เดอ เรย์ ที่ต้องพบกับ แอธเลติก บิลเบา ในนัดชิง ขณะที่รายหลังนั้นต้องเรียกว่า เตรียมทำผลงานชิ้นโบแดง เพราะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ไปพบกับเชลซี ในแชมเปียนส์ ลีก วันที่ 19 พฤษภาคม และเมื่อถึงเวลานั้น แบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจากเมืองไทย คงได้ “ใช้ซะ!” อย่างเต็มที่แน่นอน
รายงานพิเศษจากสเปน โดย สรเดช เพชรแสงใสกุล
