เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังข้องใจ หลังสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ร่วมกันชี้แจงเรื่องกรณีสิทธิประโยชน์ พร้อมเตรียมทำหนังสือยื่นต่อสมาคมฟุตบอลขอดูหลักฐานเรื่องการค้างจ่ายภาษี ด้าน “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมดึงบริษัทสยามสปอร์ตเข้ามาร่วมงานอีกครั้ง หลังจากขอถอนตัวออกจากการเป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2555 ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เวลา 14.00 น.นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ นายอดิศัย วารินทร์ศิริกุล ตัวแทนจากบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ร่วมกันชี้แจงและเปิดเผยหลักฐานกรณีสิทธิประโยชน์ ต่อสโมสรสมาชิกไทยพรีเมียร์ลีกทั้ง 18 สโมสร นำโดย นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, นายอรรณพ สิงห์โตทอง ประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี, นายรณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทีมเอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด และตัวแทนจากสโมสรอื่นรวมทั้งสิ้น 16 สโมสร โดยทางสโมสรอีสาน ยูไนเต็ด และ ชัยนาท เอฟซี ไม่มีตัวแทนเข้ารวมประชุมในครั้งนี้ ซึ่งก่อนการประชุมได้มีประชาชนประมาณ 50 คน มารวมกลุ่มชูป้ายให้กำลังใจ บ.สยามสปอร์ตฯ รับหน้าที่บริหารจัดการสิทธิประโยชน์ต่อไป จนทำให้ทางสมาคมต้องเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบ 30 นาย มาคอยประจำการหน้าทางเข้าห้องประชุม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุวุ่นวาย
โดยในที่ประชุม นายอดิศัย วารินทร์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวชี้แจงถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมกับทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยว่า “โครงสร้างของไทยพรีเมียร์ลีกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย คอยดูแลนโยบายและภาพรวมในทุกด้าน 2.บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีกจำกัด (ทีพีแอล) ที่คอยดูการแข่งขันและกฎข้อบังคับต่างๆ ที่ใช้ 3.บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคทฯ ที่ดูแลเรื่องสื่อ และเป็นที่ปรึกษาให้กับทางสมาคมฯ พร้อมทั้งยังมีจากการกีฬาแห่งประเทศไทยที่คอยให้เงินสนับสนุนอีกส่วนหนึ่ง โดยในปี 2554 ที่ผ่านมา มีภาพรวมสิทธิประโยชน์ทั้งสิ้น 218.4 ล้านบาท หักต้นทุนทำให้เหลือกำไรคิดเป็นเงิน 8,517,600 บาท”
ด้าน นายวรีวีร์ มะกูดี นายใหญ่บอลไทย ได้กล่าวเพิ่มเติม ว่า “ทางสมาคมฟุตบอลได้เชิญให้บ.สยามสปอร์ตเข้ามาเป็นคู่สัญญาเพื่อที่จะคอยดูแลสิทธิประโยชน์ เพราะทางสยามสปอร์ตมีสื่อในมือจำนวนมาก และยังต้องการที่จะช่วยพัฒนาวงการฟุตบอล ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาเสี่ยง ซึ่งเราก็ต้องขอขอบคุณที่ร่วมงานกันมา และคอยให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด บางทีขาดทุนหรือล้มลุกคลุกคลานขนาดไหนก็ไม่มีใครรู้ จึงถือได้ว่าเป็นพันธมิตรอย่างแท้จริง และหลังจากที่ทางบ.สยามสปอร์ตได้ถอนตัวออกไปจากการเป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของสมาคมฟุตบอลนั้น ทางผมก็เห็นว่าควรที่จะดึงให้กลับมาร่วมงานกันอีก หรือถ้าทางบ.สยามสปอร์ตไม่ต้องการจริงๆ ก็อาจจะให้เข้ามาดูแลในส่วนอื่นเช่น เป็นที่ปรึกษา หรือเรื่องการถ่ายทอดสดแทน
“ส่วนในปีนี้ยืนยันว่า ทางสมาคมจะดำเนินการแข่งขันให้สิ้นสุด และจะรักษาข้อตกลงที่ให้ไว้กับทุกสโมสร ส่วนในปีหน้าเราหวังว่าทางสปอนเซอร์ จะให้การสนับสนุนเช่นเดิม และจะพยายามจัดการแข่งขันให้ได้ตามมาตรฐาน และในสัปดาห์หน้าทางสมาคมจะแจ้งหนังสือแบบฟอร์มให้กับทุกสโมสร เพื่อตอบรับว่าปีต่อไปจะยังเข้าร่วมการแข่งขันหรือไม่ ถ้าไม่ก็จะนำทีมจากดิวิชัน 1 ขึ้นมาแทนเพื่อให้ครบตามจำนวน” ประมุขบอลไทยร่ายยาว
หลังจาก “บังยี” กล่าวจบ นายเนวิน ชิดชอบ ก็ได้ยกมือตั้งข้อสงสัยถามทันที “ผมอยากจะขอดูสัญญาที่ทางสมาคมฟุตบอลได้ทำกับ บ.สยามสปอร์ต ได้หรือไม่ ว่ามีสัญญากี่ปี และนอกจากนี้ยังมีรายอื่นอีกไหม” ซึ่ง นายวรวีร์ ได้ตอบว่า “มีแค่ บ.สยามสปอร์ต เพียงรายเดียว แต่เรื่องสัญญานั้น คงต้องขอให้ทำหนังสือเข้ามาทางสมาคมอย่างเป็นทางการเสียก่อนจึงจะเปิดเผยได้ ทั้งนี้สมาคมได้แจ้งให้ทุกทีมทราบแล้วว่า ก่อนร่วมแข่งขันแต่ละสโมสรจะได้อะไรบ้าง พอใจหรือไม่ที่จะร่วมแข่งขัน”
ส่วนเรื่องที่ “บิ๊กเน” ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมทางสมาคมฯต้องเสียเงินค่าถ่ายทอดสดให้กับทาง บ.ทรู วิชั่นส์ แต่กลับไม่ได้ค่าตอบแทนจากการโฆษณาคืนมานั้น นายอดิศัย วารินทร์ศิริกุลได้เผยว่า “ผมขอยืนยันว่า สปอนเซอร์ที่ได้นั้นมีจำนวนเงินจริงๆ ทุกช่องตามที่ได้รายงานไว้ ยกว้นในช่อง 74 เพียงช่องเดียว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการเหมาสัญญากับทางสปอนเซอร์เก่าที่มีอยู่ ซึ่งในสมัยก่อนที่ลีกจะบูม ขายให้ใครก็ไม่มีใครซื้อ จึงต้องขายแบบเป็นเพคเกจและยอมขาดทุนไป” ซึ่งเรื่องนี้นายเนวิน ก็ได้กล่าวว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยมีใครรู้ และไม่เคยแจ้งให้ทราบมาก่อน จึงได้ตั้งข้อสงสัยถามขึ้นมา
นายเนวิน ยังกล่าวต่อไปว่า ทราบมาว่า ทีพีแอล และสมาคมฟุตบอลไม่เคยยื่นเสียภาษีเงินได้ (ภ.ง.ด.) เลยเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งเรื่องนี้นายวรวีร์ตอบว่า “จะขอไปดูรายละเอียด แต่คิดว่าเป็นสิ่งที่ได้ทำต่อเนื่องกันมานานแล้ว ซึ่งถ้านายเนวินจะขอดูจริงๆ ก็ต้องทำหนังสือยื่นมาอย่างเป็นทางการอีกเช่นกัน” สุดท้ายก่อนจะปิดประชุมนายอดิศัยได้ประกาศส่งมอบงานในการบริหารสิทธิประโยชน์คืนให้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
หลังการประชุม “บิ๊กเน” เผยว่า “จากนี้จะกลับไปทำหนังสือส่งถึงสมาคมฟุตบอล ถึงข้อสงสัยทุกประการที่ได้กล่าวในที่ประชุม เพื่อขอคำตอบจากสมาคมต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องการเสียภาษี และเอกสารสัญญาการมอบสิทธิประโยชน์ต่อไป”