บริษัท สปอร์ต อาร์ต ผู้จัดศึกมวยไทยไฟต์ จัดแถลงข่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชน หลังถูก “กำนันแก๊” ประมุข โรจนตัณฑ์ กล่าวหาเป็นฝ่ายจัดฉากให้ บัวขาว ป.ประมุข ฉีกกฎพระราชบัญญัติมวยขึ้นเวทีชกศึก ไทยไฟต์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา โดยแย้งว่า ทางค่ายมวยไม่รักษาสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ ยืนยันหากถูกฟ้องร้องเตรียมสู้คดีความทางกฎหมายในชั้นศาล เพื่อตรวจสอบความถูกต้องต่อสังคมต่อไป
เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันศุกร์ที่ 20 เมษายน ณ อาคารสำนักงานบางกอกทูเดย์ ซอยวิภาวดี 17 นพรัตน์ พุทธรัตน์มณี รองประธานฝ่ายจัดศึกไทยไฟต์ พันจ่าอากาศเอก อรรถพงษ์ อ่ำอนันต์ โปรโมเตอร์มวยไทยไฟต์ พร้อม สมเกียรติ เรืองสุรเกียรติ ทนายความของบริษัท สปอร์ต อาร์ต ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดใจต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก
โดย นพรัตน์ รองประธานจัดศึกไทยไฟต์ ซึ่งมองว่า ตนเองเป็นผู้เสียหาย และถูกกล่าวพาดพิงจากทางฝั่งค่าย ป.ประมุข เป็นผู้จัดฉาก เผยต่อสื่อมวลชน ว่า “ที่ผ่านมา เรื่องความขัดแย้งระหว่างค่าย ป.ประมุข กับ บัวขาว ป.ประมุข ทางบริษัท สปอร์ต อาร์ต ไม่เคยเข้ายุ่งเกี่ยว เพียงแต่แนะนำให้สองฝ่ายหาทางออกร่วมกัน แต่เมื่อในทุกอย่างไม่ลงตัว นักมวยไม่สามารถขึ้นชกได้ ทำให้ฝ่ายจัดกลับต้องเป็นผู้เสียหาย ทั้งที่ความจริงได้มีการตกลงสัญญาไว้เรียบร้อยตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งทำการโปรโมตไว้มากมาย ซึ่งทางค่ายก็ตกลงเป็นอย่างดี”
ทั้งนี้ รองประธานศึกไทยไฟต์ ได้ตั้งคำถามกับสังคม ว่า เมื่อบัวขาวไม่ได้ขึ้นชกใครต้องเป็นฝ่ายเสียหาย “ทางบริษัทต้องเป็นฝ่ายรับปัญหาที่ตนเองไม่ได้สร้างขึ้นอยู่ฝ่ายเดียว ขณะที่ทางค่ายมวยกลับไม่รักษาสัญญาที่ตกลงไว้ โดยอ้างว่า ทางบริษัทไม่ขออนุญาตก่อน ค่ายไม่รับรู้ว่า นักมวยของตนเองต้องขึ้นชก และไม่ยินยอมให้มีการแข่งขันเกิดขึ้น พร้อมทั้งส่งหนังสือให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ระงับการจัดแข่ง หากฝ่ายจัดไม่ถอดชื่อ บัวขาว ออกจากการชก ดังนั้น ฝ่ายจัดยอมถอดชื่อบัวขาวออก แต่วันจริงมีการพลิกโผเกิดขึ้นและกำนันแก๊ ขู่ว่า จะฟ้องร้องดำเนินคดีผู้จัด ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นตนเองก็พร้อมสู้กับความถูกต้องในชั้นศาล”
ด้าน “จ่าทุย” พ.อ.อ.อรรถพงษ์ โปรโมเตอร์ไทยไฟต์ กล่าวเสริมว่า “ตนเองอยู่ในวงการมวยมายาวนาน และรู้ดีว่าทุกอย่างต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน ซึ่งการจัดศึกครั้งนี้ ได้มีการคุยกับทางค่ายให้รับรู้ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม โดยได้ประกบคู่มวยทั้ง 8 คู่ ส่งไปให้ กกท.รับทราบ แม้ว่า ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร แต่วงการมวยถือว่าคำพูดลูกผู้ชายคือสิ่งสำคัญ แค่เพียงคุยกันก็ถือว่ารู้เรื่อง ซึ่งศึกไทยไฟต์ ปี 2011 ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีการเซ็นสัญญากับค่ายมวย แต่มาปีนี้ “กำนันแก๊” กลับโบ้ยว่าตนเองไม่ทราบเรื่อง”
เมื่อถูกถามว่า การที่ บัวขาว ขึ้นเวทีแทน ไทรโยค พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ไม่สามารถขึ้นชกได้ เพราะมีเวลาพักไม่ถึง 21 วัน ครั้งนี้เป็นการจัดฉากหรือไม่ โปรโมเตอร์ชื่อดัง ชี้แจง ว่า “เดิมทีเดียว บัวขาว ไม่มีชื่อในการขึ้นชก แต่ตนเองได้เรียกให้บัวขาวมาไหว้ครู และโชว์ตัวบนเวทีโชว์ พร้อมกล่าวเปิดใจเล็กน้อยถึงสาเหตุที่ไม่สามารถชกได้ เนื่องจากได้มีการตกลงกับผู้สนับสนุนบางส่วนเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ช่วงเที่ยงบัวขาวเดินทางพร้อมนำเอกสารขอยกเลิกสัญญาจากค่ายที่ยื่นต่อ กทท.เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหัวหน้าค่าย จึงอนุญาตให้ขึ้นชกแทน ไทรโยค ได้ทันที เพราะตาม พ.ร.บ.มวย มีข้อที่กล่าวไว้ว่าผู้จัด หรือค่ายมวย มีหน้าที่สนับสนุน และส่งเสริมมวยไทย ไม่ใช่ขัดขว้าง แต่ในขณะที่กำนันแก๊ทำเข้าค่ายว่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า”
ขณะที่ สมเกียรติ เรืองสุรเกียรติ ทนายความฝั่งไทยไฟต์ ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้มาก เนื่องจากอาจเป็นการเสียรูปคดี โดยยืนยัน “การตกลงข้อสัญญาบางประเภทไม่จำเป็นต้องมีการลงสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ในเบื้องต้นทางฝ่ายบริษัท สปอร์ต อาร์ต จะรอดูท่าทีของกำนันแก๊ว่าฟ้องมาอย่างไร ซึ่งหากมีการฟ้องดำเนินคดี ฝ่าย สปอร์ต อาร์ต ก็เตรียมสู้คดีในชั้นศาลตามกฎหมายด้วยเช่นกัน”