“กำนันแก๊” ประมุข โรจนตัณฑ์ เจ้าของค่ายมวย ป.ประมุข ชี้ การขึ้นเวทีไทยไฟต์ของบัวขาว เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา เป็นการจัดฉาก ยืนยันทุกอย่างจบหาก บัวขาว ป.ประมุข กลับใจเข้ามาพูดถึงปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ขณะที่คนในวงการมวย ทั้ง “บังมาด” สามารถ มะลูลีม ส.ส.กทม พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึง นายทรงชัย รัตนสุบรรณ โปรโมเตอร์ชื่อดังชี้ชัด “ดำ ดอตคอม” ตกเป็นเหยื่อมือที่ 3 จนทำให้วงการมวยปั่นป่วนในเวลานี้
จากกรณีที่ บัวขาว ป.ประมุข ยอดกำปั้นดีกรีแชมป์เควัน พลิกโผขึ้นเวลาชกในศึกไทยไฟต์ ที่พัทยา เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าค่าย รวมถึงเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.กีฬามวยอาชีพ เนื่องจากเป็นการขึ้นชกที่ไม่ผ่านการช่างน้ำหนัก ท่ามกลางกระแสความฮือฮาของแฟนกีฬาทั้งประเทศ
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น.ของวันศุกร์ที่ 20 เมษายน ณ 13 เหรียญ รีสอร์ท พระราม 9 “กำนันแก๊” ประมุข โรจนตัณฑ์ เจ้าของค่ายมวยชื่อดัง “อุ” ธีระพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่าย รวมถึงทีมทนายความประจำค่าย และบรรดาผู้คนในวงการมวย ได้ร่วมกันตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงความคืบหน้าของบัวขาว กับ ค่าย ป.ประมุข
โดย กำนันแก๊ ที่ดูแลและปลุกปั้นบัวขาวมาตั้งแต่กำปั้นชาวสุรินทร์ อายุได้ 8 ขวบ ยืนยันผ่านสื่อมวลชน ว่า “ผมขอยืนยันว่า ที่ผ่านมา และจากนี้ไป ทุกคำพูดของผมคือความจริง โดยหลังจากที่บัวขาวหายตัวออกจากค่ายตั้งแต่เดือนมีนาคม ผมพยายามที่จะติดต่อเขา มากกว่า 200 ครั้ง แต่ไม่เป็นผล เวลานี้ผมขอเพียงให้เขาเข้ามาพูดคุยกัน ทุกอย่างก็น่าจะจบได้ แต่หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ผมเองและทีมทนายก็คงต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป”
ขณะเดียวกัน กำนันประมุข ยังตั้งข้อสังเกตถึงการชกในวันที่ 17 ของบัวขาว ว่า “ทุกอย่างเหมือนเป็นฉากที่ผู้จัดเซ็ตเอาไว้หมดแล้ว ซึ่งหากจะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีมือที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง ผมคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ เพราะด้วยนิสัยและตัวตนของบัวขาวนั้น ไม่มีทางที่จะทำเรื่องเลวร้ายนี้ได้อย่างแน่นอน”
ด้าน “เสี่ยอุ” ธีระพัฒน์ โรจนตัณฑ์ ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้จัดการส่วนตัวให้กับบัวขาวมาโดยตลอดระยะเวลาที่เจ้าตัวสร้างชื่อขึ้นมาเป็นนักมวยซูเปอร์สตาร์ ก็ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาที่ทางฝั่งของบัวขาวอ้างว่าทางค่ายติดเงินเขา 2 ล้านนั้น ไม่เป็นความจริง “ผมขอยืนยันตรงนี้ ว่า เรามีหลักฐานทุกอย่างทั้งบุคคลและเอกสารที่สามารถยืนยันความจริงได้ แต่หากฝั่งบัวขาวอ้างเช่นนั้น ก็คงต้องถามกลับถึงหลักฐานว่ามีจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่”
ขณะเดียวกัน “บังมาด” สามารถ มะลูลีม ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยเป็นผู้ผลักดันให้ พ.ร.บ.กีฬามวยอาชีพเกิดขึ้นในปี 2542 เผยเช่นกัน ว่า “พ.ร.บ.มวยเกิดขึ้นมาเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับทั้งนักมวยและค่ายมวย ทว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 ของบัวขาว ถือเป็นกรณีที่เหมือนเป็นการฉีก พ.ร.บ.มวย ซึ่งเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง โดยเรื่องนี้ผมยังคงเชื่อว่าลำพังบัวขาวเองคนเดียวคงไม่สามารถกระทำการเรื่องนี้ได้ หากไม่มีมือที่ 3 เข้ามายุยง”
เช่นเดียวกับ นายทรงชัย รัตนสุบรรณ โปรโมเตอร์คนดัง ที่ออกมาเรียกร้องให้ บัวขาว รีบกลับตัวกลับใจ ออกมาเปิดใจ และกลับมาพูดคุยกับค่าย ป.ประมุข อีกครั้ง “หากบัวขาวกลับมา ทุกสิ่งทุกอย่างน่าจะดีขึ้น เขาจำเป็นที่จะต้องกลับมาเคลียร์ทุกอย่างกับ ป.ประมุข ส่วนจะกลับมาร่วมค่าย หรือแยกตัวออกไป นั้นเป็นประเด็นรอง เพราะสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ คือ บัวขาว ถือเป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของวงการ ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย”