“ไม่กลัวไม่แพ้” เชลซีท้าแลกบาร์ซา

เอเยนซี-เชลซี มีภารกิจฝ่าสมรภูมิเดือดศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อจะต้องเปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับมือกระดูกชิ้นโต บาร์เซโลนา วันพุธที่ 18 เมษายนนี้ งานนี้เจ้าถิ่นเป็นรองทุกกระบวนท่า แต่ไม่หวั่นจะเปิดหน้าแลกเพื่อหยุดบรรดาแนวรุกฝีเท้าพระกาฬของอาคันตุกะจากสเปน ที่นำโดย ลิโอเนล เมสซี กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ให้จงได้

ภายใต้บังเหียนของ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ กุนซือชั่วคราว เชลซี แพ้เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้นจากทุกรายการ 12 นัด ล่าสุด เพิ่งผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ หลังถล่ม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 5-1 เตรียมชิงดำกับ ลิเวอร์พูล วันที่ 5 พฤษภาคม นี้ต่อไป เรียกได้ว่าสบายใจไปเปาะหนึ่ง แต่ถือเป็นช่วงหฤโหดต้องเจอ บาร์เซโลนา 2 นัดเหย้า-เยือน แถมมีโปรแกรม พรีเมียร์ชิป มาคั่นไปเยือน อาร์เซนอล วันที่ 21 เม.ย.ก็ต้องเน้นเหมือนกันเพื่อท็อปโฟร์การันตีโควตา แชมเปียนส์ ลีก ปีหน้า เวลานี้รั้งที่ 6 ตาม สเปอร์ส 2 แต้มเท่านั้น

เชลซี ผ่านเข้าสู่รอบเซมิ-ไฟนัล เป็นหนที่ 6 แต่ครั้งนี้จะเป็นการรีแมตช์ฤดูกาล 2008-09 ตอนนั้นเสมอ 0-0 ที่ คัมป์ นู นัดสองที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าถิ่นกำลังจะได้ผ่านเข้าสู่นัดชิง ทว่า มาถูก อันเดรียส อิเนียสตา ยิงไกลตีเสมอ 1-1 ส่ง บาร์เซโลนา เข้าชิงด้วยกฎอเวย์โกลก่อนจะคว่ำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ในบั้นปลาย แต่สโมสรจากลอนดอนคาใจ เพราะตลอดเกมน่าจะได้จุดโทษถึง 3-4 ครั้ง แต่ถูกปฏิเสธมาโดยตลอดทำให้ ทอม เฮนนิง ออฟเรโบ กรรมการชาวนอร์เวย์ ถูกขู่ฆ่า ซึ่งถือเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งกับความบาดหมางของคู่นี้เท่านั้น

ครั้งนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ห้องเครื่องเชลซี ยอมรับว่า หนักใจไม่น้อย แต่จะสู้เต็มที่ เพราะเหลืออีกแค่ด่านเดียวจะเข้าชิงแล้ว “ไม่ว่าจะเกมไหนทันทีที่ออกสตาร์ท โอกาสอยู่ที่ 50-50 เท่ากันเราเข้าถึงรอบรองชนะเลิศแล้ว ดังนั้น จะแสดงความกลัวออกมาให้คู่ต่อสู้เห็นไม่ได้ ทว่า จะเป็นรูปแบบของความเคารพมากกว่า แต่เหนืออื่นใดจะจัดการ และเล่นด้วยแนวทางของตนเอง ตอนผมดู บาร์ซา เล่นพวกเขาเชื่อตัวเองเสมอว่าจะต้องชนะทุกเกม เราก็เจอเกมหนักมาเยอะ และพร้อมที่จะทำสิ่งนั้นอีกครั้งเพื่อผ่านไปให้ได้”

ยุคของ ดิ มัตเตโอ เน้นเรื่องความฟิตของผู้เล่นเป็นหลัก ทว่า เกมนี้อาจจะต้องเน้นชุดเดียวกับที่เอาชนะ สเปอร์ส เปลี่ยนเพียง แกรี เคฮิลล์ จับคู่กับ จอห์น เทอร์รี เนื่องจาก ดาวิด ลุยซ์ บาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า และ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ที่ติดโทษแบนการแข่งขันในประเทศ จะยืนแบ็กขวาแทน โชเซ โบซิงวา ส่วน มิคาเอล เอสเซียง จะลงมาเป็นกลางรับ หน้าเป้าคงเป็น ดิดิเยร์ ดร็อกบา ที่น่าสนใจ คือ 2 นักเตะสเปนที่จะมีแรงกระตุ้นเป็นพิเศษ คือ ฮวน มาตา ปีกตัวเลื้อย และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงที่เคยเล่นให้ แอตเลติโก มาดริด รายหลังน่าจะอยู่ที่ม้านั่งสำรองก่อน

ฟาก บาร์เซโลนา แชมป์ยุโรป 4 สมัยโดย 3 ปีหลังสุดคว้ามาครองได้ถึง 2 ครั้ง ยังอยู่บนเส้นทางลุ้นคว้าทริปเปิลแชมป์เวลานี้ ศึก ลา ลีกา สเปน ตาม รีล มาดริด 4 แต้ม เหลืออีก 5 นัด เตรียมเปิด คัมป์ นู ตัดสินแชมป์กันวันเสาร์ที่ 21 เมษายนนี้ รวมถึงถ้วย โคปา เดล เรย์ ที่จะชิงกับ แอธเลติก บิลเบา วันที่ 25 พฤษภาคมนี้

คงจะละสายตาจากความร้อนแรงของ เมสซี แนวรุกที่ฟอร์มกำลังพุ่งไม่ได้ ซัดไปแล้ว 63 ประตูจาก 52 นัดฤดูกาลนี้ล่าสุดยิงเบิ้ลเกม ลา ลีกา สเปน บุกชนะ เลบานเต 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา ปีนี้แข้งที่อายุเพียง 24 ปี แต่ได้สร้างสถิติใหม่ขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของ บาร์เซโลนา และยิงต่อฤดูกาลมากที่สุดนับตั้งแต่ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 2004 ถ้านับเฉพาะถ้วยยุโรปเหลืออีกแค่ 20 ประตูจะเท่า ราอูล กอนซาเลซ ตำนานชาวสเปนที่ทำเอาไว้สูงสุด 71 ประตู

อย่างไรก็ตาม ดิ มัตเตโอ ย้ำคงไม่ประกบ เมสซี เพียงแค่คนเดียว “คงไม่ใช่แค่การหยุดผู้เล่นเพียงคนเดียว เพราะว่า บาร์ซา มีนักเตะอีกหลายคนที่สามารถตัดสินเกมทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ อันเดรียส อิเนียสตา ชาบี เฮร์นานเดซ และจะสร้างความลำบากให้คุณได้เสมอ จะเป็นเรื่องของแทกติกมากกว่า พลังงานขับเคลื่อน ที่จะสามารถจำกัดขอบเขตความน่ากลัวของพวกเขา”