โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ กุนซือรักษาการพา เชลซี ที่อาศัยความเก๋าและจังหวะจบสกอร์ที่เด็ดขาดกว่า ไล่ยิง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ 5-1 ตบเท้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ลิเวอร์พูล ที่เข้าไปรออยู่ก่อนแล้ว ในศึกเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ
ทอตแนม ฮอตสเปอร์ 1-5 เชลซี
ศึกลอนดอน ดาร์บีแมตช์ เวอร์ชัน เอฟเอ คัพ เป็นการดวลกันระหว่าง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส กับ เชลซี ซึ่งผู้ชนะจะผ่านเข้าไปพบกับ ลิเวอร์พูล ที่เข้าไปรอแล้ว สเปอร์ส เกมนี้เปิดโอกาสให้ คาร์โล คูดิชินี ลงเฝ้าเสา ส่วนตัวหลักๆ อย่าง ลูกา โมดริช, เอมมานูเอล อเดบายอ และ แกเร็ธ เบลล์ ลงกันพร้อมหน้า ด้าน “สิงห์บลูส์” จัดทัพชุดใหญ่เช่นกันประกอบด้วย ฆวน มาตา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา และมี แฟรงค์ แลมพาร์ด คุมเกมตรงกลาง
เริ่มเกมมา 10 นาที เป็นฝั่ง เชลซีที่ได้ลุ้นก่อนจากลูกฟรีคิก ดร็อกบา รับหน้าที่กดเต็มแรง บอลเหินข้ามคานออกไป ในช่วงต้นเกมเป็น “สิงห์บลูส์” ที่ครองเกมบุกได้มากกว่า ขณะทีฝั่ง “ไก่เดือยทอง” ยังจูนเครื่องกันไม่ติด นาที 27 จากจังหวะสวนกลับ เชลซี น่าจะได้ประตูขึ้นนำก่อน กาลู ล็อกหนี ไคล์ วอลเกอร์ ก่อน แทงทะลุให้ มาตา ที่เติมขึ้นมา แต่จับบอลไม่ดี บอลปลิ้นไปเข้ามือ คูดิชินี น่าเสียดาย
หลังผ่าน 30 นาที สเปอร์ส เริ่มตั้งเกมของตัวเองได้บ้าง โดยอาศัยเกมริมเส้นของ เบล และ เลนนอน ปั่นป่วนทั้งสองฝั่ง และน่าเป็นฝ่ายขึ้นนำถึง 2 จังหวะ เริ่มจาก เลนนอน แปเข้ามากลางประตู ฟาน เดอ ฟาร์ต ยืนโขกเหน่งๆ บอลผ่านมือปีเตอร์ เช็ก ไปแล้ว แต่ยังมี เทอร์รี ยืนคุมเส้นเคลียร์ทิ้งได้หวุดหวิด จากนั้นเป็น ฟาน เดอ ฟาร์ต เปิดโค้งให้ อเดบายอ เทกตัวโหม่งอีกครั่งหนนี้สะกิดไม่โดนบอลพุ่งชนเสาออกมาอย่างเหลือเชื่อ
เกมครึ่งแรกทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่แล้วนาที 43 ความเด็ดขาด และความสามารถเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยมของ ดร็อกบา พลิกบอลหนี วิลเลียม กัลลาส ก่อนกดด้วยซ้ายตูมเดียวบอลผ่านมือ คูดิชินี เข้าไปกระทบตาข่ายอย่างสวยงาม ส่งให้ เชลซี พลิกขึ้นนำก่อน 1-0 และจบครึ่งแรกไปแบบชนิดช็อกแฟนบอล “ไก่เดือยทอง” ที่ตามมาเชียร์ถึง เวมบลีย์
กลับมาเล่นครึ่งหลัง 2 นาที เชลซี ลุยใส่ทันทีและได้ลุ้นยิงประตูจาก มาตา สับไกด้วยซ้ายบอลพุ่งน่ากลัว แต่ คูดิชินี พุ่งปัดออกหลังอย่างยอดเยี่ยม จากลูกเตะมุม แลมพาร์ด โยนมากลางประตู ดร็อกบา โถมมาโขกเต็มๆ นายประตู สเปอร์ส เซฟไว้อีกหน ก่อนบอลจะปลิ้นไปเข้าทาง มาตา วิ่งเข้าซ้ำเน้นๆ บอลยังไม่ข้ามเส้นดี ทว่าผู้ตัดสิน มาร์ติน แอ๊ตกินสัน เป่าให้เป็นประตูแบบไม่ลังเล “สิงห์บลูส์” หนีห่าง 2-0
นาที 56 เกมสนุกขึ้นเมื่อ อเดบายอ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้ามาดวลเดี่ยวกับ เช็ก ก่อนโดนนายทวารเชลซี รวบล้มลงในเขตโทษ แต่บอลไปเข้าทาง เบล ที่วิ่งตคู่ขึ้นมาพอดี แปเข้าประตูไปง่ายๆ ช่วยยิงไล่มาเป็น 1-2 ชนิดที่ เช็ก รอดจากการถูกไล่ออกจากสนามแบบมีโชค นาที 68 กัลลาส สกัดบอลพลาด ทำให้ ดร็อกบา ได้บอลหลุดขึ้นมายิงด้วยซ้าย แต่ยังดี คิง วิ่งตามมาบล็อกออกหลังไปได้
ทั้งสองทีมเปิดแลกกันสนุก และเป็น เชลซี ที่เด็ดขาดกว่า ขยับหนีไปเป็น 3-1 ในนาที 77 จากลูกที่ มาตา งัดบอลให้ รามิเรส ที่แอบอยู่หลุดกับดักล้ำหน้าจิ้มบอลสวนจัว คูดิชินี เข้าประตูอีกครั้ง จากนั้น 3 นาที แฟรงค์ แลมพาร์ด ซัดฟรีคิกกว่า 30 หลาบอลส่ายเข้าเสียบเสาสองอย่างสวยงาม เชลซี ทิ้งห่างเป็น 4-1 ช่วงทดเจ็บ มาดูลา ตัวสำรองยิงย้ำชัยให้เชลซีเอาชนะไปด้วยสกอร์ 5-1 กรุยทางผ่านเข้าไปพบกับ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศต่อไป
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส : คาร์โล คูดิชินี, เล็ดลีย์ คิง, วิลเลียม กัลลาส, ไคล์ วอลเกอร์, เบอร์นัว อัซซู-เอนกอตโต, อาร์รอน เลนนอน, สกอตต์ ปาร์เกอร์, แกเร็ธ เบลล์, ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ต, ลูกา โมดริช, เอมมานูเอล อเดบายอ
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, แอชลีย์ โคล, จอห์น เทอร์รี, ดาวิด ลุยซ์, โชเซ โบซิงวา, แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น มิเกล โอบี, รามิเรส, ซาโลมง กาลู, ฆวน มาตา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา
