“เสธ.อ้าย” พลเอก บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่น แย้ม ลาออกแน่ หากทีมมวยหญิงตกรอบควอลิฟายโอลิมปิกที่ประเทศจีน ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ พร้อมยอมรับว่า ทีมมวยของเราเหมือนกบในกะลา ไม่ได้รับรู้ความเคลื่อนไหวของทีมมวยชาติอื่นเลย
โดยเมื่อเวลา 10.30 น.“เสธ.อ้าย” พลเอก บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่น ได้หารือกับทางโค้ชธง พันตรี ธง ทวีคูณ เฮดโค้ชทีมมวยชายทีมชาติไทย และ จ่าเอก สุพิช จันทะสิทธิ์ เฮดโค้ชทีมมวยหญิงทีมชาติไทย เกี่ยวกับแนวทางการทำทีมมวยสำหรับการแข่งขันในโอลิมปิก ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม ถึงวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ที่ห้องทำงานสมาคมมวยสากลสมัครเล่น ชั้น 2 ที่สนามม้านางเลิ้ง เมื่อวันอังคารที่ 17 เมษายน ว่า
“ตอนนี้ทีมมวยฝั่งชายได้เสร็จสิ้นการแข่งควอลิฟายไปเรียบร้อย ได้เพียงแค่ 3 รุ่น คือ 49 กก.แก้ว พงษ์ประยูร, 52 กก.ฉัตรชัย บุตรดี และ รุ่น 60 กก.สายลม อาดี ซึ่งตรงนี้ผมก็เน้นให้นักชมทั้งสามรายนี้ ทำผลงานให้อย่างเต็มที่ ต่อจากนี้ จะให้ฝึกซ้อมอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เรี่ยวแรงหมดไปเสียก่อน ในรายของ แก้ว ผมเป็นห่วงแค่ ซูซิ หมิง ที่มีฝีมือการชกที่ดี อีกทั้งเป็นแชมป์เก่าในรายการนี้ด้วย ส่วน เจ้าสด ฉัตรชัย บุตรดี ให้เน้นชั้นเชิงในการชก และเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายด้วย สุดท้ายที่ สายลม อาดี ให้แก้เรื่องการชกให้ชัดเจนมากขึ้น และเรื่องของเรี่ยวแรงที่หมดเร็วในช่วงยกที่ 3 ของการแข่งขันอีกด้วย”
“ทางด้านมวยหญิงเราตกลงว่าจะส่งทั้ง 3 รุ่น ไปควอลิฟายที่ประเทศจีน คือ รุ่น 51 กก.เปี่ยมวิไล เล่าเปี่ยม, รุ่น 60 กก.ทัศมาลี ทองจันทร์ และ รุ่น 75 กก.สุดาพร สีสอนดี โดยสองรุ่นแรกผมไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่นักแม้ว่าในการแข่งขันที่มองโกเลีย เปี่ยมวิไลจะตกรอบแรกก่อนก็ตามแต่ก็เป็นการแพ้แชมป์โลกในรุ่นนั้นจริงๆ ส่วน ทัศมาลี เป็นมวยที่มีฝีมือ ชั้นเชิงดี ชกฉลาด จึงไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่ในรุ่น 75 กก.นั้น ยอมรับว่า หนักใจอยู่มาก เพราะต้องทำน้ำหนักให้ใกล้เคียงมากที่สุด 69 กก.ขึ้นไปจากเดิมที่ 65 กก.แต่รุ่นที่ใหญ่จริงๆนั้นมีแค่มีฝีอทั้งนั้นหากไม่เจ๋งจริงๆ เราก็จะไม่ส่งแน่” เสธ.อ้าย เผยถึงแนวทางทีมมวยหญิง
ทั้งนี้ เสธ.อ้าย เผยต่ออีกว่า หากผลงานในการแข่งขันควอลิฟายวืดไปโอลิมปิกอีกในฝั่งหญิง เป็นการทิ้งท้าย ว่า “หากผลงานควอลิฟายมวยโอลิมปิกหญิงเราไม่ได้ตั๋ว ผมคงต้องขอลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบในผลงานที่เราไม่สามารถนำทีมมวยไปโอลิมปิกได้แม้แต่รุ่นเดียว ผมยอมรับเลยว่า ทีมมวยของเราเหมือนกบในกะลาที่ไม่ได้รู้เลยว่าความเคลื่อนไหวของชาติอื่นๆ ว่า ไปถึงไหนแล้ว ซึ่งสองปีที่ผ่านมาเราไม่ได้ส่งทีมไปแข่งตามทัวร์นาเมนต์ต่างๆ อีกด้วย จากนี้ไปเราคงต้องพัฒนาในส่วนที่เหลือให้ดียิ่งขึ้นด้วย”