โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ กุนซือชั่วคราว “สิงห์บลู” เชลซี ระบุทีมจะใช้การแพ้ต่อ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา เมื่อปี 2009 เป็นแรงจูงใจในการล้างแค้นโคตรทีมแดนกระทิงดุ เมื่อทั้งสองทีมเตรียมฟาดแข้งกันอีกครั้งในรอบรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ ลีก
โดย เชลซี เพิ่งผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือก ศึกฟุตบอลถ้วยใบใหญ่ของทวีปยุโรปได้สำเร็จ หลังจากเปิดรังเฉือนชนะ เบนฟิกา 2-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง เมื่อคืนวันพุธที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมผลสองนัดเอาชนะไป 3-1 ลอยลำเข้าไปเจอกับ “แชมป์เก่า” บาร์เซโลนา ในวันที่ 18 และ 24 เม.ย.นี้
ผู้เล่นหลายคนของ เชลซี ในชุดปัจจุบันยังมีความทรงจำที่ไม่ดีจากการเจอกับ บาร์เซโลนา ครั้งล่าสุดในเกมรอบรองชนะเลิศ เมื่อปี 2009 ซึ่งขณะนั้น กุส ฮิดดิงก์ โค้ชชาวดัตช์ คุมทีม โดย “สิงห์บลู” ถูกปฏิเสธจุดโทษหลายครั้งในเกมนัดสอง ก่อนที่ อันเดรส อิเนียสตา ยิงประตูในช่วงท้ายให้ “เจ้าบุญทุ่ม” ตีเสมอ 1-1 จนผ่านเข้ารอบด้วยกฎยิงประตูทีมเยือน
ความเชื่อที่ว่า ถูกตัดสินไม่ยุติธรรม ทำให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้าไอเวอรีโคสต์ ออกมาจวก ทอม เฮนนิก โอเวรโบ กรรมการชาวนอร์เวย์ หลังจบเกม ขณะที่นักเตะอีกหลายคนก็มีความเห็นทำนองเดียวกัน ว่า พวกตนถูกโกง ด้วยเหตุผลนี้ก็ทำให้ ดิ มัตติโอ มองว่า จะเป็นแรงขับให้ เชลซี พยายามล้างแค้นในการเจอกับ บาร์เซโลนา ครั้งใหม่
“เราเคยเจอกับพวกเขาหลายครั้งในหลายปีที่ผ่านมา และผู้เล่นก็มีประวัติศาสตร์กับบาร์เซโลนา แน่นอนว่า หลายคนรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมที่ได้รับจากการเล่นกับพวกเขาเมื่อ 3 ปีก่อน” เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียน กล่าว
บาร์เซโลนา ผ่านเข้ารอบตัดเชือกมาได้จากการเอาชนะ “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน แชมป์ลีกแดนมะกะโรนี ด้วยผลงานของผู้เล่นระดับเทพอย่าง ลิโอเนล เมสซี ชาบี และ อิเนียสตา เป็นต้น
ดิ มัตเตโอ กล่าวต่อว่า เชลซี พร้อมรับมือกับทีมได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลก “เราจะหาทางรับมือพวกเขาด้วยวิธีที่เหมาะกับทีม และผู้เล่นของเรา พวกเขามีนักเตะที่ความสามารถเฉพาะตัวดีเลิศและอันตราย แต่เราก็จะเล่นเกมและใช้จุดแข็งของเราเข้าสู้ ผมตั้งตารอสองเกมนี้ มันจะเป็นแมตช์ที่น่าตื่นเต้น”