พลเรือเอก สมเดช ทองเปี่ยม นายกสมาคมฟันดาบสมัครเล่นแห่งประเทศไทยแถลงแผนดำเนินงานปี 2555 เน้นพัฒนาระบบเยาวชน หวังเป็นเจ้าภาพจัดแข่งเยาวชนชิงแชมป์โลกให้ได้ภายใน 2 ปี เตรียมผลักดันกีฬาฟันดาบบรรจุในซีเกมอย่างยั่งยืน และเชื่อมั่นทีมฟันดาบไทยจะคว้าตั๋วควอลิฟายไปโอลิมปิค 2012
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2555 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุม 222 สนามราชมังคลากีฬาสถาน การกีฬาแห่งประเทศไทย มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ของสมาคมฟันดาบสมัครเล่นแห่งประเทศไทย โดยมี พลเรือเอก สมเดช ทองเปี่ยม นายกสมาคมฟันดาบฯ เป็นประธานในการรายงานผลการดำเนินงานในปี 2554 และชี้แจงแผนดำเนินงานในปี 2555 ซึ่งมีคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ และตัวแทนจากชมรมฟันดาบเข้าร่วมการประชุม
พันเอก จักราวุธ โสมภีร์ เลขาธิการสมาคมฟันดาบสมัครเล่นแห่งประเทศไทย กล่าวรายงานผลการดำเนินงานในปี 2554 ที่ผ่านมา ว่า “ตลอด 1 ปี ที่ผ่านมางานของสมาคมฯ พัฒนาไปอย่างเป็นระบบ เน้นพัฒนาที่เยาวชนเป็นหลัก มีการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศไทย-เกาหลี โดยส่งไปแล้ว 2 ครั้ง และในระดับสูงเตรียมผลักดันกีฬาฟันดาบให้ถูกบรรจุเข้าไปอยู่ในการแข่งกีฬารายการต่างๆ อาทิ ซีเกมส์, กีฬาแห่งชาติ และกีฬามหาวิทยาลัย อย่างยั่งยืน เพื่อให้เป็นที่แพร่หลายในระดับอาเซียน”
“สำหรับแผนดำเนินงานในปี 2555 สมาคมเน้นที่จะพัฒนาเยาวชนอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมแผนเสนอตัวขอจัดแข่งเยาวชนชิงแชมป์โลกให้ได้ภายใน 2 ปี มีแผนส่ง พลโท ชาติชาย เกษมวงศ์ อุปนายกสมาคมฯ ไปศึกษาดูงานการแข่งฟันดาบรายการ “เวิล์ด แชมเปียนชิปส์ 2012” ที่เมืองมอสโคว ประเทศรัสเซีย และมุ่งสร้างโรงเรียนกีฬาเพิ่มเพื่อโอกาสให้เยาวชนได้ฝึกซ้อมเต็มที่ โดยอนาคตคณะกรรมการสมาคมฯ จะเดินทางไปเยี่ยมชมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับโรงเรียนต่างๆ เพื่อหาทางพัฒนาร่วมกันต่อไป”
โดย พลเรือเอก สมเดช กล่าวสรุป ว่า “ที่ผ่านมาสมาคมมีการวางยุธทศาสตร์พัฒนา แต่ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบของการทหาร จากนั้นการกีฬาแห่งประเทศไทยมีการจัดอบรมสมาคมต่างๆ ว่าแผนต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และรัฐบาลควบคู่กันไป จึงมีส่วนช่วยให้สมาคมพัฒนาได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น”
“ในส่วนของเป้าหมายในการควอลิฟายที่ญี่ปุ่น ช่วงปลายเดือน เพื่อไปแข่งโอลิมปิค 2012 เมษายน ทีมฟันดาบไทย ขณะนี้ได้สิทธ์คัดเลือก 3 คน ประกอบด้วย นนทพัฒน์ ปานจันทร์ ประเภทฟอยล์ชาย, วีระเดช ค็อธนีย์ ประเภทเซเบอร์ชาย และ ศิลวลัย สตารัตน์ ประเภทเซเบอร์หญิง โดยเชื่อมั่นว่า จะมี 1-2 คนสามารถผ่านเข้าไปเล่นในโอลิมปิคได้ในช่วงกลางปีนี้ เนื่องจากคู่แข่งเก่งๆ อย่าง จีน ญีปุ่น ผ่านเข้าไปรอบหมดแล้ว”
