ASTV ผู้จัดการรายวัน - หลังจากทีมเรดบูลล์ เรซซิ่ง คว้าแชมป์โลกสมัยที่สองติดต่อกันทั้งในประเภททีม และนักขับ (เซบาสเตียน เวทเทล) ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ ตราสัญลักษณ์ของผลิตภัณฑ์จากเมืองไทยกลายเป็นภาพคุ้นตาของคนทั่วโลก แน่นอนว่าเจ้าแรกคือ เรดบูลล์ หรือ กระทิงแดงในฐานะเจ้าของทีม ส่วนเจ้าที่สองคือ สิงห์ คอร์เปอเรชัน ซึ่งจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กันมาตั้งแต่ปลายฤดูกาล 2009 และเรียกได้ว่าการตัดสินใจของ วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี ในฐานะ ผู้จัดการฝ่ายพันธมิตรและกิจกรรม บ.สิงห์คอร์เปอเรชัน เป็นการเลือกอย่างคนมีความรู้ในกีฬาด้านนี้ เพราะระยะเวลาจากการเริ่มต้นจนถึงฤดูกาลล่าสุดการอยู่เคียงข้างทีมที่คว้าแชมป์โลกสองสมัยทำให้ แบรนด์สิงห์ที่ปรากฎผ่านสื่อต่างๆทั่วโลกนั้นมีมูลค่าที่ฝ่ายการตลาดของ เอฟไอเอ (FIA) คิดตัวเลขออกมาแล้วสูงถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 900 ล้านบาท) ต่อปีเลยทีเดียว
โดยคีย์แมนคนสำคัญที่พาให้เรดบูลล์ เรซซิง ก้าวมาถึงตำแหน่งแชมป์โลก รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์สิงห์ คอร์เปอเรชัน คือทีมบอสวัยเพียง 38 ปีชาวอังกฤษ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ผู้ใช้เวลาในการพัฒนาทีมแข่งเพียงแค่ 5 ปีก็สามารถพาให้น้องใหม่แห่งวงการรถสูตรหนึ่งก้าวมาอยู่แถวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ เดินทางมาพักผ่อนที่หัวหินเมื่อสัปดาห์ก่อนตามคำเชิญของ สิงห์ และเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ โดยฮอร์เนอร์ กล่าวถึงความคาดหมายในฤดูกาล 2012 ในการเริ่มต้นบทสัมภาษณ์ว่า "การครองแชมป์สองสมัยนับว่าเป็นผลงานที่สร้างความมั่นใจให้กับทีมงานเป็นอย่างยิ่ง สำหรับฤดูกาลนี้พวกเราก็หวังว่าจะรักษาตำแหน่งเอาไว้ให้ได้ แต่ต้องยอมรับว่าคู่แข่งก็พัฒนาเช่นกันทั้งในส่วนของทีมและนักขับ"
ทั้งนี้ทีมบอสชื่อดัง กล่าวถึง แม็คลาเรนว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับปีนี้ "จากผลงานนของแม็คลาเรนที่คว้าแชมป์สนามได้ที่เมลเบิร์น ทั้งรถและนักขับ (เจนสัน บัตตัน) ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ขณะที่ เซบาสเตียน (เวทเทล) จบในอันดับที่สอง หากการแข่งขันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นผมเชื่อว่าจากนี้ไปนักขับและทีมงานจะเริ่มปรับจูนเข้าหากันและทำผลงานอย่างที่คาดหวังได้ในที่สุด" เมื่อกล่าวถึงความคาดหวังในฤดูกาลนี้ไปแล้ว ฮอร์เนอร์ ยังได้เผยถึงการเดินทางมาเมืองไทยในครั้งนี้นอกจากเพื่อพักผ่อนแล้วยังเป็นการพูดคุยเรื่องการต่อสัญญากับผู้สนับสนุนแบรนด์ไทยอย่าง สิงห์คอเปอเรชั่น "การเดินทางมาเมืองไทยของผมในครั้งนี้ ด้วยคำเชิญจากทางสิงห์ ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีของทีมมาโดยตลอด ทั้งนี้เราได้มีการพูดคุยกันระหว่าง ผม คุณเฉลิม และ คุณวรวุฒิ ในการต่อสัญญาระหว่างเรดบูลล์ และ สิงห์ ซึ่งจากความร่วมมือที่ดีมาโดยตลอด สิงห์ น่าจะเป็นผู้ให้ความสนับสนุนอย่างเป็นทางการของเราต่อไป และในอนาคตข้างหน้าอาจหมายถึงแบรนด์ที่จะอยู่กับทีมในระยะยาว"
นอกจากนี้ ฮอร์เนอร์ ยังได้แสดงความคิดเห็นถึงการจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่งในเมืองไทย หลังจากมีข่าวว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยเตรียมเสนอให้ เส้นทาง ราชดำเนิน เป็นสตรีทเซอร์กิต อีกหนึ่งแห่งในปฏิทินของเอฟวัน "โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าความสนใจของคนไทยกับการแข่งขันรถสูตรหนึ่งกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะส่วนหนึ่งมาจากเรดบูลล์ ที่ทำให้คนไทยรู้สึกคุ้นเคยและติดตามผลงาน ถ้าเมืองไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรถสูตรหนึ่งจะเป็นเรื่องที่วิเศษมาก ซึ่งความสำเร็จของสิงค์โปร์ จีน หรือ อินเดีย น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้คนทั่วโลกได้เห็นศักยภาพในการจัดการแข่งขันของเมืองไทย" ทีมบอสวัย 38 ปีกล่าวทิ้งท้ายในการให้สัมภาษณ์
ซึ่งความคิดเห็นของ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ นั้น สอดคล้องกับผู้สนับสนุนทีมอย่าง คุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายพันธมิตรและกิจกรรม บ.สิงห์คอร์เปอเรชัน ที่ได้ให้การต้อนรับ ทีมบอส เรดบูลล์ เรซซิ่งในการเดินทางมาเมืองไทยในครั้งนี้ โดยคุณวรวุฒิ กล่าวเสริมจากการสัมภาษณ์ของฮอร์เนอร์ว่า "ที่ผ่านมาได้มีการติดต่อมาเพื่อพูดคุยกับทางกระทรวงฯและการกีฬาแห่งประเทศไทยแต่ไปติดในช่วงน้ำท่วมการพูดคุยจึงยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งล่าสุดคุณอาเฉลิม (เฉลิม อยู่วิทยา) ท่านได้เข้าประชุมกับทางกระทรวงฯเล่าให้ฟังว่าจะมีแผนในการดำเนินการอย่างไร ซึ่งเท่าที่ได้รับรายละเอียดมาทางเรดบูลล์ จะช่วยประสานในส่วนของการเจรจากับทางเบอร์นี่ย์ เอคเคิลสโตน ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ โดยสิงห์ ในฐานะพาร์ทเนอร์ของเรดบูลล์ ยินดีให้ความสนับสนุนเต็มที่ ในส่วนของการดำเนินการเรื่องเส้นทางการแข่งขันนั้นทางกระทรวงฯคงเป็นเจ้าภาพใหญ่และถ้าโครงการเห็นภาพชัดขึ้นเชื่อว่าภาคเอกชนอีกหลายแห่งน่าจะสนใจให้ความสนับสนุนเพื่อให้เซอร์กิตประวัติศาสตร์บนถนนราชดำเนินขึ้นมา"
ทั้งนี้คุณวรวุฒิ ยังได้กล่าวถึงการให้ความสนับสนุนที่เตรียมจะต่อสัญญาเป็นระยะเวลาสามปีในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ว่า "สิงห์เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของ เรดบูลล์ เรซซิ่งมาตั้งแต่ปี 2009 นั้นจะเห็นว่าทีมเขาพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ และสุดท้ายก็ได้แชมป์โลกมาครองแล้วสองสมัย และทำให้ตราสัญลักษณ์ของสิงห์ ได้ปรากฎไปทั่วโลกหากแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้คนไทยหันมาสนใจการแข่งขันรถสูตรหนึ่งให้มากกว่าเดิมที่ผ่านมา เอฟวัน อาจจะมีกลุ่มผู้ชมไม่มากนัก แต่ผลจากการนำรถมาวิ่งโชว์เมื่อปีที่แล้วผมรู้สึกได้ว่ากลุ่มแฟนความเร็วในบ้านเราเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆส่วนหนึ่งน่าจะมากจากทีมเรดบูลล์ ซึ่งเชื่อมโยงกับคนไทยอยู่แล้ว ขณะที่แบรนด์สิงห์ซึ่งอยู่บนตัวรถน่าจะทำให้คนไทยรู้สึกใกล้ชิดมากขึ้น และด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้า เอฟวัน น่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่คนไทยให้ความนิยมไม่แพ้ชาติใดในเอเชียเลยทีเดียว"