หลบหน่อย "เตฟ" มา! พาเรือชนเชลซีมิดวีค

เอเยนซี-10 นัดสุดท้ายศึก พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ฤดูกาลนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี ต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้นำมาเป็นผู้ตามที่สำคัญต้องไล่ล่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถือว่าเขี้ยวลากดินมักจะแซงนำถูกที่ถูกเวลาและลิ่วเข้าป้ายแชมป์ไปในที่สุด ถือเป็นภารกิจสุดหินของ "เรือใบสีฟ้า" เนื่องจากโปรแกรมหนักกว่าเริ่มตั้งแต่วันพุธที่ 21 มีนาคมนี้ต้องเปิด อิติฮัด สเตเดียม รับมือ เชลซี แต่มีข่าวดีเมื่อได้ คาร์ลอส เตเบซ ดาวยิงอาร์เจนไตน์ เตรียมคืนทีมเป็นครั้งแรกรอบ 6 เดือน

แมนฯซิตี ที่แข่งน้อยกว่า 1 นัดถูก แมนฯยู ฉีกนำ 4-0 แต้มแถมลูกได้-เสียโดนจี้เข้ามาเหลือห่าง 3 ลูก หลังจาก "เรือใบสีฟ้า" บุกไปสะดุดพ่าย สวอนซี 0-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมาทำให้เสียตำแหน่งจ่าฝูงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคมและอาจจะส่งผลใหญ่หลวงให้ไม่มีแชมป์ติดมือฤดูกาลนี้ก็ว่าได้ เพราะจากนี้ต้องไปเยือน อาร์เซนอล วันที่ 8 เมษายนก่อนที่จะเปิด อิติฮัด พบ "แชมป์เก่า" วันที่ 30 เม.ย.เมื่อนั้นก็ไม่รู้ว่าแต้มจะถูกทิ้งไปขนาดไหน

เกมนี้ไฮไลท์ยังอยู่ที่การคืนสนามของ เตเบซ อดีตกัปตัน แมนฯซิตี ที่มีลุ้นลงเล่นนับตั้งแต่เดือนกันยายน หลังหนีกลับบ้านเกิดเพราะปัดลงช่วยทีมเกม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม บุกพ่าย บาเยิร์น มิวนิค 0-2 เมื่อปีที่แล้ว ทว่าอาจจะมีชื่อในม้านั่งสำรองไปก่อน

โจ ฮาร์ท มือกาว แมนฯซิตี เชื่อว่าการได้ เตเบซ ที่เคยยิง 2 ฤดูกาลมากกว่า 50 ประตูน่าจะส่งผลดีให้คว้าแชมป์ลีกได้ในฤดูกาลนี้ "ด้วยตำแหน่งผมไม่ได้ซ้อมกับ เตเบซ แต่ใครก็รับประกันว่าเขาทำได้ดี ขึ้นอยู่กับเจ้านายเป็นคนตัดสินใจว่านักเตะมีความฟิตแค่ไหน รวมถึงจะส่งผลดีเพียงใดหากลงสนาม แต่เราจะได้รับแรงขับเคลื่อนมากขึ้น การได้เขากลับมาถือเป็นการเซ็นสัญญาคว้านักเตะใหม่เลยก็ว่าได้"

ฟาก เชลซี กำลังไล่ล่าท็อปโฟร์เวลานี้รั้งอันดับ 5 ตาม อาร์เซนอล 3 แต้มขณะที่เหลืออีก 10 นัด ภายใต้การกุมบังเหียนของ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ กุนซือขัดตาทัพผลงานสุดไฉไลชนะ 4 นัดรวดแถมมีลุ้นแชมป์ 2 ถ้วยคือ เอฟเอ คัพ ทะลุเข้ารอบตัดเชือกยืนรอพบกับ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ หรือ โบลตัน วันเดอเรอร์ส และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก คือสโมสรเดียวที่กู้หน้าให้อังกฤษเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายพบกับ เบนฟิกา

มีความเป็นไปได้ที่ ดิ มัตเตโอ จะตามรอย อัฟราม แกรนท์ ที่เข้ามาแทน โชเซ มูรินโญ และเข้าถึงนัดชิง แชมเปียนส์ ลีก ปี 2008 รวมถึง กุส ฮิดดิงค์ ที่เข้ามาคุมระยะสั้นเมื่อปี 2009 ต่อจาก หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ก่อนจะมีแชมป์ เอฟเอ คัพ ติดมือภายใต้การทำงานแค่ 3 เดือนเท่านั้น

เกมนี้บรรดาแข้ง เชลซี ที่ได้พักเกม เอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายเปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถล่ม เลสเตอร์ ซิตี 5-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมาจะกลับมาแบบครบองค์ประชุมทั้ง จอห์น เทอร์รี เดวิด ลุยซ์ แอชลีย์ โคล แฟรงค์ แลมพาร์ด มิคาเอล เอสเซียง และ รามิเรส รวมถึง เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลก 2010 ที่คืนความมั่นใจหลังควานหาตาข่ายเจอรอบ 5 เดือนทั้งยิง 2 ประตูและจ่ายแมตช์ดังกล่าวเป็นอาวุธให้ ดิ มัตเตโอ เลือกใช้งานอีก

ก่อนเกม เชลซี ถูกตั้งคำถามเรื่องความฟิตของนักเตะเนื่องจากลงแข่งติดๆ กันขณะที่ แมนฯซิตี ได้พักเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปีเตอร์ เช็ก มือกาวทีมเยือนกล่าวว่า "ซิตี มีทีมที่ดีอัดแน่นไปด้วยแข้งทีมชาติทักษะล้นเหลือ แม้ออกสตาร์ทดี แต่ตอนนี้เริ่มเผชิญกับผลการแข่งขันที่ไม่ดีจนแสดงความแตกต่างให้เห็น 10 นัดถือว่าระยะทางยังอีกยาวไกล หากคว้า 3 แต้มวันพุธนี้ก็มีโอกาสมากขึ้นในการคว้าแชมป์ลีก แต่แน่นอนเราต้องการหยุดสิ่งนี้ไม่ให้เกิดขึ้น"

แมนฯซิตี เพิ่งตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูโรปา ลีก เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมาด้วยกฎอเวย์โกล์หลังจาก 2 นัดเสมอ 3-3 ก็จริง แต่ในลีกผลงานยามเล่นในถิ่น อิติฮัด สเตเดียม ถือว่าไร้เทียมทานชนะรวด 14 นัด ทว่า เชลซี ภายใต้การคุมทัพของ ดิ มัตเตโอ เกมรับดูดีขึ้นผิดหูผิดตาเหมือนได้ความมั่นใจกลับมาแล้ว หากทีมเยือนใช้โอกาสไม่เปลืองก็มีลุ้นเก็บ 1 แต้มกลับออกไป