เอเยนซี่-โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ วิคตอเรีย อาซาเรนก้า กลายเป็นสองนักเทนนิสที่ได้รับเงินรางวัลสูงสุดในประวัติศาสตร์ของเอทีพี และ ดับเบิลยูทีเอ ทัวร์จำนวนหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ หลังทั้งคู่คว้าแชมป์ในรายการบีเอ็นพี พาริบาส์ โอเพ่น ที่อินเดียน เวลส์ ไปครอง โดยเฟเดอเรอร์ หวดเอาชนะ นักเทนนิสเจ้าถิ่น จอห์น อิสเนอร์ ไปสองเซตรวด ขณะที่ ซึ่งการแข่งขันในประเภทหญิงเดี่ยวนั้นนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 ที่มือหนึ่งและสองของโลกได้หวนมาพบกันในรอบชิง และท้ายที่สุด นักเทนนิสสาวจากเบลารุส สามารถคว้าแชมป์สมัยแรกมาครองได้สำเร็จ
การแข่งขันเทนนิสรายการบีเอ็นพี พาริบาส์ โอเพ่นที่อินเดียน เวลส์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา รอบชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2555 (ตามเวลาท้องถิ่น) ในประเภทชายเดี่ยวนั้นเป็นการพบกันอีกครั้งระหว่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ จอห์น อิสเนอร์ หลังจากก่อนหน้านี้ นักเทนนิสชาวสวิส เคยพ่ายให้กับอิสเนอร์ ในการแข่งขันเดวิส คัพ เมื่อต้นปีที่ผ่าน ส่วนประเภทหญิงเดี่ยวนั้นเป็นการ รีแมตช์ อีกครั้งระหว่าง วิคตอเรีย อาซาเรนก้า และ มาเรีย ชาราโปว่า การชิงชัยแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น
โดยการแข่งขัน รอบชิงชนะเลิศในอินเดียน เวลส์ เทนนิส การ์เดนส์ เริ่มต้นด้วยประเภทหญิงเดี่ยว ระหว่าง "วิก้า" วิคตอเรีย อาซาเรนก้า และ มาเรีย ชาราโปว่า โดยการแข่งขันที่ใช้เวลาเพียง หนึ่งชั่วโมงยี่สิบหกนาที จบลงด้วยชัยชนะของนักเทนนิสสาวจากเบลารุส ด้วยสกอร์ 6-2 และ 6-3 ส่งผลให้ วิคตอเรีย อาซาเรนก้า คว้าแชมป์รายการ บีเอ็นพี พาริบาส์ โอเพ่น สมัยแรกไปครองพร้อมเงินรางวัลสูงสุดของดับเบิลยูทีเอ ทัวร์จำนวนหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ มาเรีย ชาราโปว่า ในฐานะรองแชมป์ได้รับเงินรางวัลจำนวนห้าแสนเหรียญสหรัฐ
ซึ่งภายหลังการแข่งขัน วิคตอเรีย อาซาเรนก้า ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “นี่คือความสำเร็จที่ทำให้ฉันและทีมงานมั่นใจเพิ่มขึ้นว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ที่สำคัญมันคือการเอาชนะนักเทนนิสหญิงที่มีเกมอันแข็งแกร่งอย่าง มาเรีย ชาราโปว่า” ขณะเดียวกัน วิก้า ยังได้กล่าวติดตลกถึงตำแหน่งนักเทนนิสหญิงหมายเลขหนึ่งของโลกที่ยังคงอยู่กับเธอว่า “มันเป็นเรื่องที่ดีนะที่ได้อยู่ในตำแหน่งที่คุณไม่ต้องไปเที่ยวไล่หาในตารางอีกต่อไปแล้วว่าอยู่ในอันดับใด เมื่อเวลานี้ได้อยู่ในจุดที่สูงที่สุดแล้ว” ทั้งนี้ อาซาเรนก้า สามารถทำสถิติชนะ 23-0 ในการเริ่มต้นฤดูกาล เป็นรองเพียงมาร์ติน่า ฮินกิส ที่เคยทำไว้ 37-0 ในช่วงปี 1997
แน่นอนว่ากว่าที่อาซาเรนกาจะเทียบสถิติตำนานได้ ต้องฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามมากมาย โดยเฉพาะการต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นฝีมือดีของวงการทั้งในอดีตและปัจจุบันอย่าง เซเรนา วิลเลียมส์ หรือ เพทรา ควิโทวา ยืนขวางทางอยู่ ซึ่งหวดจากเบลารุสเองก็พร้อมแล้วที่จะรับมือกับบททดสอบครั้งสำคัญ โดยกล่าวว่า “สำหรับฉันแล้ว เรื่องดังกล่าวถือเป็นความท้าทายยิ่ง แน่นอนว่าการเผชิญหน้ากับพวกเธอรวมถึงผู้เล่นคนอื่นในปีนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ฉันก็พร้อมแล้วที่จะลงสนามและรับมือกับความท้าทายนั้นๆ”
สำหรับการชิงชัยในประเภทชายเดี่ยวระหว่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ จอห์น อิสเนอร์ นั้นเซตแรกต้องสู้กันถึงไทเบรก ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เฟดเอ็กซ์ เป็นฝ่ายเก็บเซตแรกไปก่อนด้วยสกอร์ 7-6 (ไทเบรก 9-7) เมื่อถึงการแข่งขันในเซตที่สอง อดีตนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งโลกควบคุมเกมทั้งหมด และ เอาชนะไปแบบไม่ยากเย็น 6-3 คว้าแชมป์รายการเอทีพีเวิลด์ทัวร์ มาสเตอร์ส 1000 ครั้งที่ 19 อันเป็นสถิติเทียบเท่ากับ ราฟาเอล นาดาล พร้อมรับเงินรางวัลสูงสุดของเอทีพีฯจำนวนหนึ่งล้านเหรียญไปครอง ขณะเดียวกัน เฟเดอเรอร์ ยังครองแชมป์รายการนี้ สี่สมัยเทียบเท่ากับสถิติที่ จิมมี่ คอนเนอร์ส และ ไมเคิล ชาง เคยทำไว้ โดยในปี 2004-2006 จอดหวดชาวสวิสครองแชมป์สามสมัยติดต่อกัน
ทั้งนี้เฟเดอเรอร์ ที่มีอาการไข้หวัดในช่วงเริ่มต้นทัวร์นาเมนท์แต่สามารถจบด้วยการคว้าแชมป์มาครองได้นั้นได้ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันว่า “ช่วงเริ่มต้นทัวร์นาเมนท์นี้ ผมมีอาการไข้หวัดรบกวนอยู่บ้างแต่พยายามที่จะตั้งสมาธิกับเกมอย่างเต็มที่ เมื่อคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่สี่มันทำให้ผมคิดถึงบรรยากาศเมื่อครั้งที่เคยคว้าชัยชนะที่นี่ในช่วงปี 2004-2006 แม้จะผ่านมาหลายปีแต่ผมยังจดจำความสุขในชัยชนะที่เกิดขึ้นได้เมื่อกลับมาครองแชมป์ได้อีกครั้งผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
ทั้งนี้ การคว้าแชมป์ของเฟเดอเรอร์ ทำให้ช่องว่างระหว่างเขากับนาดาลในฐานะมือสามและมือสองของโลกเริ่มแคบลง และมีโอกาสสูงที่จะแซงคู่ปรับตลอดกาลจากสเปนขึ้นเป็นมือสองของโลก หาก “เฟดเอ็กซ์” ในวัย 30 ปี สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของศึกมาสเตอร์สรายการถัดไปอย่าง “โซนี อีริคส์สัน โอเพน” ที่ไมอามีในสัปดาห์นี้ (19 มีนาคม-1เมษายน) ขณะที่ จอห์น อิสเนอร์ แม้ไม่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้ แต่อันดับโลกของนักเทนนิสร่างโย่ง (หกฟุต เก้านิ้ว) ถูกปรับเป็นมือวางอันดับ 10 ของโลกเป็นที่เรียบร้อย จากการจัดอันดับโลกของเอทีพี ครั้งล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา