ASTVผู้จัดการรายวัน-ศึก ฟอร์มูลา วัน ชิงแชมป์โลก ฤดูกาล 2012 กำลังจะเปิดฉากขึ้นที่ อัลเบิร์ต พาร์ค เซอร์กิต ประเทศออสเตรเลีย วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคมนี้ ก่อนที่นักขับทั้ง 24 คนจะนำรถประจำการบนกริดสตาร์ท มีคำถามมากมายกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตลอด 20 สนามนับจากนี้ MGR SPORT อาสาไขข้อข้องใจให้แฟนความเร็วได้รับทราบกันในบรรทัดต่อจากนี้
ทำไมจมูกหน้า F1 เปลี่ยนไป?
เริ่มต้นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของรถแข่งเอฟวันเวอร์ชันปี 2012 ที่หากสังเกตดูจะเห็นได้ชัดเจนว่าจมูกด้านหน้าจะของรถแข่งเกือบทุกทีมทั้งเรดบูลล์,เมอร์เซเดส, เฟอร์รารี แม้กระทั้งเรโนลต์ จะแตกต่างออกไปจากรถแข่งปี 2011 อย่างเห็นได้ชัด โดยรถในปีนี้จะมีการลดระดับจากตัวถังด้านลงไปจนสื่อมวลชนต่างประเทศพากันตั้งฉายาจมูกหน้ารถแข่งเวอร์ชันนี้เป็นว่าเหมือนกับ "ปากเป็ด" กันเลยทีเดียว
เหตุผลที่ทำให้ทุกทีมต้องออกแบบจมูกหน้าให้ออกมาเป็นลักษณะเช่นนี้ก็เนื่องมาจาก กติกาปี 2012 กำหนดให้มีการลดระดับจมูกหน้าลงมาจากความสูงจากพื้น 62.5 ซม.ในปีที่แล้ว ลงมาเหลือ 55 ซม.ขณะเดียวกันเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ชิ้นส่วนดังกล่าวเปลี่ยนไปก็เนื่องมาจากเหตุผลเรื่องของความปลอดภัย ในกรณีที่รถแข่งเกิดอุบัติเหตุชนรถคู่แข่งเข้ากลางลำ จมูกหน้าก็จะไม่ทิ่มเข้าไปถูกนักขับที่นั่งอยู่ในค็อกพิตได้นั่นเอง
กลยุทธ์การใช้ยางจะเปลี่ยนไปหรือไม่?
ในฤดูกาล 2011 มีเสียงบ่นจากบรรดานักขับมากมายในช่วงต้นฤดูกาลว่า ยางพิเรลลี โดยเฉพาะยางซอร์ฟ และซูเปอร์ซอฟต์ ซึ่งเป็นยางเนื้ออ่อนที่ทำให้รถเกาะถนนและทำความเร็วได้ดีที่สุด ออกอาการหน้ายางหมดเร็วเกินไป ถึงขนาดที่ว่าบางที่ขับไปเพียง 10 รอบกว่าๆ ก็ต้องขยับตัวเข้าพิตไปตามๆกัน ส่งผลให้ทีมวิศวกรของพิเรลลีเร่งพัฒนายางชุดใหม่สำหรับฤดูกาล 2012 ซึ่งนอกจากจะมีการเพิ่มขนาดโลโก้และแถบสีบนหน้ายางให้แฟนๆเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นยามซิ่งอยู่ในแทร็กแล้ว พิเรลลียืนยันว่าในปีนี้ ยางซอร์ฟ และซูเปอร์ซอฟต์ จะยังคงคุณภาพในการทำความเร็วและเกาะถนนแต่จะมีอายุยืนยาวมากกว่าในปี 2011 ซึ่งนั่นหมายความว่ากลยุทธ์การเข้าพิตจะเปลี่ยนไป และบางทีอาจเห็นแชมป์แต่ละสนามคว้าชัยด้วยการเข้าพิตเพียงแค่ 2 ครั้งก็เป็นได้
ใครจะเป็นผู้ท้าชิง "หนุ่มเซ็บ"?
จากผลงานอันไร้เทียมทานของ เซบาสเตียน เวทเทล นักขับชาวเยอรมันของทีมเรดบูลล์ เรซซิง ที่สามารถทำทีมกระทิงแดงคว้าแชมป์โลกมาครองได้ถึง 2 ปีติดต่อกันในปี 2010 และ 2011 ทำให้เกจิในวงการมอเตอร์สปอร์ตพากันยกให้ "หนุ่มเซ็บ" เป็นเต็งจ๋าที่จะทำแฮตทริกแชมป์โลกในฤดูกาลนี้ชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนคำถามที่ว่าใครจะมาเป็นผู้ท้าชิงหมายเลขหนึ่งของเวทเทลในฤดูกาลนี้ คงต้องให้จับตามองไปที่ลูอิส แฮมิลตัน นักขับจอมบู๊ชาวผู้ดีซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์โลกปี 2008 ที่แม้ว่าฟอร์มในปี 2011 จะตกต่ำสุดขีด ทว่าจากความสามารถในฐานะยอดนักขับประกอบกับความคงเส้นคงวาของรถแม็คลาเรน MP4-27 รวมถึงหากเจ้าตัวตัดเรื่องปัญหาชีวิตส่วนตัวออกไปได้ โอกาสที่จะได้เห็น หนุ่มเซ็บ ดวลความเร็วแบบล้อต่อล้อกับลูอิสก็มีสูงไม่น้อย
"เฟอร์รารี" จะไร้แชมป์ติดมือ?
กลายเป็นประเด็นร้อนในช่วงก่อนออกสตาร์ทฤดูกาลสำหรับของกรณีของทีม "ม้าลำพอง" เฟอร์รารี ยักษ์ใหญ่ประจำวงการจากอิตาลี ที่แพท ฟราย ผู้อำนวยการด้านเทคนิคประจำทีมออกมายอมรับตามความเป็นจริงว่า ทั้งเฟร์นานโด อลอนโซ และเฟลิเป มาสซา คงจะหมดลุ้นยืนแป้นโพเดียมในการแข่งขันสนามแรกที่ประเทศออสเตรเลีย
แม้ผลการทดสอบของเฟอร์รารีในช่วงปิดฤดูกาล รถแข่ง F2012 จะยังมีปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขในหลายๆจุด ทว่าด้วยความสามารถของนักขับมือหนึ่งอย่างอลอนโซ ที่มักจะรีดความเร็วของรถออกมาได้อย่างเหลือเชื่อในหลายๆสนาม จะช่วยให้ทีมแข่งดังจากมาราเนลโล เอาตัวรอดในเอฟวันฤดูกาลนี้ได้ โดยอาจจะไม่ถึงขึ้นนำทีมกลับไปคว้าแชมป์โลก ทว่าอดีตแชมป์เอฟวันปี 2005 และ 2006 ก็มีดีนำทีมคว้าชัยได้อย่างน้อย 1-2 สนามได้แน่นอน
คิมี vs ชูมี ใครจะเข้าป้ายก่อน?
การคัมแบ็คคืนสู่เวทีเอฟวันอีกครั้งของ "ดิ ไอซ์ แมน" คิที ไรค์โคเนน อดีตแชมป์โลกปี 2007 กับทีมโลตัส-เรโนลต์ ทำให้วงการความเร็วทางเรียบกลับมาคึกครั้งอีกครั้ง เนื่องจากจะเป็นครั้งแรกที่มีนักแข่งดีกรีแชมป์โลกประจำการบนแทร็กถึง 6 คน ขณะเดียวกันยังมีการเปรียบเทียบไปยังมิชาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานแชมป์โลก 7 สมัย ที่ยังไม่มีโพเดียมติดมือเลยนับจากกลับมาแข่งขันเอฟวันรอบที่ 2 กับทีมเมอร์เซเดส จีพี ตั้งแต่ปี 2010
งานนี้หากย้อนกลับไปดูผลการทดสอบรถในช่วงวินเตอร์เทสต์ที่รถแข่ง E20 ของทีมโลตัส โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นเกินหน้าเกินตาทีมแข่งหัวแถว ก็คงไม่ต้องแปลกใจหาก คิมี จะนำรถแข่งคู่ใจจบอันดับบนโพเดียมในในฤดูกาลนี้ ขณะเดียวกันจากฟอร์มที่เป็นช่วงขาลงของชูมีกับเมอร์เซเดส ก็มีโอกาสสูงที่นักขับวัย 43 ปีจะปิดฉากเอฟวันแบบถาวรหลังหมดสัญญากับทีมในฤดูกาลนี้
