"กูปรีอันตราย" ศรีษะเกษ เอฟซี, อินทรีเพื่อนตำรวจ และวัวชน ยูไนเต็ด 3 ทีมปัญหาในศึกสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก ยังไม่ได้บทสรุปที่แน่นอนเรื่องสนามเหย้าของตัวเองที่จะใช้ในฤดูกาล 2012 หลัง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกออกมาเผยหลังการประชุมบอร์ดบริหารที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
เมื่อวันจันทร์ที่ 12 มีนาคม 2555 ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เวลาประมาณ 15.00 น. ได้มีการประชุมเรื่องกฎระเบียบและแนวทางการจัดการที่จะใช้ในศึกสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2012 นำโดย นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบ.ไทยพรีเมียร์ลีก, นายองอาจ ก่อสินค้า เลขานุการ และคณะบอร์ดบริหารคนอื่นๆ
โดยก่อนการประชุมได้มีแฟนบอล "กูปรีพลัดถิ่น" กองเชียร์ของ ศรีสะเกษ เอฟซี กว่า 30 คน แห่มายื่นหนังสือเรียกร้องต่อทางสมาคมให้ทบทวนเรื่องการอนุมัติเปลี่ยนชื่อทีมและย้ายรังเหย้า ไปเล่นที่จังหวัดอุบลราชธานี และภายหลังการปิดห้องประชุมอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบ.ไทยพรีเมียร์ลีก ได้ออกมาเผยต่อนักข่าวว่า
"ทางที่ประชุมมีข้อสรุปยืนยันจะให้สโมสรศรีสะเกษ เอฟซี ย้ายไปเล่นที่สนาม ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ตามที่อนุมัติไปก่อนหน้านี้ พร้อมเปลี่ยนชื่อทีมใหม่เป็น อีสานยูไนเต็ด ซึ่งเราอนุมัติไปแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าทางแฟนบอลจะยื่นเรื่องฟ้องหรือดำเนินการต่ออย่างไรค่อยว่ากันอีกที โดยเราจะให้ฝ่ายภูธรเป็นผู้พิจารณา ส่วนเรื่องสนามทุ่งศรีเรืองนั้นทางเราได้เดินทางไปตรวจดูแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งพบว่าสภาพพื้นสนามไม่มีปัญหาแต่อย่างใด จะมีก็แต่เพียงไฟสนามเท่านั้นที่อยากจะให้ปรับเป็น 800 ลักซ์ แต่ถ้าหากไม่ได้จริงๆก็คงจะให้ลงเตะเร็วขึ้น"
"ด้านกรณีของวัวชน ยูไนเต็ดนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด ซึ่งถ้าหากสนามติณลาสูลานนท์ จ.สงขลา ยังไม่พร้อมใช้งาน ก็อาจจะให้ใช้สนาม ไอ-โมบายเก่า ที่ จ.บุรีรัมย์ไปก่อน ส่วนสนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต รังเหย้าของอินทรีเพื่อนตำรวจ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนั้น ตอนนี้ทางสโมสรได้ยื่นว่าจะขอใช้สนาม สพล.ชลบุรี ก่อนเป็นการชั่วคราว ซึ่งทางเราก็ยินยอม เพราะเข้าใจว่าการหาสนามอื่นๆในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องลำบาก" นายใหญ่ทีพีแอลกล่าว
"หลังจากมีปัญหาเรื่องการย้ายถิ่นฐานของหลายๆทีมนั้น ตอนนี้ทางสมาคมจึงได้มีความคิดที่จะใช้กฎโควต้าประจำจังหวัดในอนาคต คือ ระบุว่าจังหวัดหนึ่งๆจะสามารถส่งทีมแข่งขันได้กี่ทีม โดยจังหวัดที่มีขนาดเล็กอาจส่งได้แค่ทีมเดียว แต่จังหวัดใหญ่ๆอาจจะส่งได้หลายทีมเป็นต้น ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นเราก็ได้มีการระบุกฏเป็นที่คร่าวๆแล้วและจะทำหนังสือแจกในเร็ววันนี้ เช่นเรื่องการตรวจโด๊ป ซึ่งคาดว่าคงจะยังไม่ใช้ อาจจะมีแค่การสุ่มตรวจเท่านั้น หรือในเรื่องทุนจดทะเบียนของแต่ละสโมสรที่จะต้องมีเงินขั้นต่ำและมีธนาคารเป็นผู้การันตี รวมถึงปัญหาจิปาถะอื่นๆด้วย" ดร.วิชิต ทิ้งท้าย
เมื่อวันจันทร์ที่ 12 มีนาคม 2555 ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เวลาประมาณ 15.00 น. ได้มีการประชุมเรื่องกฎระเบียบและแนวทางการจัดการที่จะใช้ในศึกสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2012 นำโดย นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบ.ไทยพรีเมียร์ลีก, นายองอาจ ก่อสินค้า เลขานุการ และคณะบอร์ดบริหารคนอื่นๆ
โดยก่อนการประชุมได้มีแฟนบอล "กูปรีพลัดถิ่น" กองเชียร์ของ ศรีสะเกษ เอฟซี กว่า 30 คน แห่มายื่นหนังสือเรียกร้องต่อทางสมาคมให้ทบทวนเรื่องการอนุมัติเปลี่ยนชื่อทีมและย้ายรังเหย้า ไปเล่นที่จังหวัดอุบลราชธานี และภายหลังการปิดห้องประชุมอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบ.ไทยพรีเมียร์ลีก ได้ออกมาเผยต่อนักข่าวว่า
"ทางที่ประชุมมีข้อสรุปยืนยันจะให้สโมสรศรีสะเกษ เอฟซี ย้ายไปเล่นที่สนาม ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ตามที่อนุมัติไปก่อนหน้านี้ พร้อมเปลี่ยนชื่อทีมใหม่เป็น อีสานยูไนเต็ด ซึ่งเราอนุมัติไปแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าทางแฟนบอลจะยื่นเรื่องฟ้องหรือดำเนินการต่ออย่างไรค่อยว่ากันอีกที โดยเราจะให้ฝ่ายภูธรเป็นผู้พิจารณา ส่วนเรื่องสนามทุ่งศรีเรืองนั้นทางเราได้เดินทางไปตรวจดูแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งพบว่าสภาพพื้นสนามไม่มีปัญหาแต่อย่างใด จะมีก็แต่เพียงไฟสนามเท่านั้นที่อยากจะให้ปรับเป็น 800 ลักซ์ แต่ถ้าหากไม่ได้จริงๆก็คงจะให้ลงเตะเร็วขึ้น"
"ด้านกรณีของวัวชน ยูไนเต็ดนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด ซึ่งถ้าหากสนามติณลาสูลานนท์ จ.สงขลา ยังไม่พร้อมใช้งาน ก็อาจจะให้ใช้สนาม ไอ-โมบายเก่า ที่ จ.บุรีรัมย์ไปก่อน ส่วนสนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต รังเหย้าของอินทรีเพื่อนตำรวจ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนั้น ตอนนี้ทางสโมสรได้ยื่นว่าจะขอใช้สนาม สพล.ชลบุรี ก่อนเป็นการชั่วคราว ซึ่งทางเราก็ยินยอม เพราะเข้าใจว่าการหาสนามอื่นๆในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องลำบาก" นายใหญ่ทีพีแอลกล่าว
"หลังจากมีปัญหาเรื่องการย้ายถิ่นฐานของหลายๆทีมนั้น ตอนนี้ทางสมาคมจึงได้มีความคิดที่จะใช้กฎโควต้าประจำจังหวัดในอนาคต คือ ระบุว่าจังหวัดหนึ่งๆจะสามารถส่งทีมแข่งขันได้กี่ทีม โดยจังหวัดที่มีขนาดเล็กอาจส่งได้แค่ทีมเดียว แต่จังหวัดใหญ่ๆอาจจะส่งได้หลายทีมเป็นต้น ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นเราก็ได้มีการระบุกฏเป็นที่คร่าวๆแล้วและจะทำหนังสือแจกในเร็ววันนี้ เช่นเรื่องการตรวจโด๊ป ซึ่งคาดว่าคงจะยังไม่ใช้ อาจจะมีแค่การสุ่มตรวจเท่านั้น หรือในเรื่องทุนจดทะเบียนของแต่ละสโมสรที่จะต้องมีเงินขั้นต่ำและมีธนาคารเป็นผู้การันตี รวมถึงปัญหาจิปาถะอื่นๆด้วย" ดร.วิชิต ทิ้งท้าย