“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ศึกฟุตบอลถ้วย “คาร์ลิง คัพ” ประจำฤดูกาล 2011/12 เป็นสมัยที่ 8 ของสโมสร โดยดวลจุดโทษเอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี 3-2 หลังเสมอกัน 2-2 ในเวลา 120 นาที ของเกมรอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 26 ก.พ. 2555
ฟุตบอลคาร์ลิง คัพ รอบชิงชนะเลิศ
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี 1 - 1 ลิเวอร์พูล (หลังต่อเวลาพิเศษ 30 นาที เสมอ 2-2 ลิเวอร์พูล ดวลจุดโทษเอาชนะ 3-2)
ศึดฟุตบอลคาร์ลิง คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ ระหว่าง คาร์ดิฟฟ์ ซิตี ทีมจากเดอะ แชมเปียนชิป พบกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แห่งเวทีพรีเมียร์ชิป โดย คาร์ดิฟฟ์ เป็นทีมระดับต่ำกว่าพรีเมียร์ชิปทีมแรกนับแต่ปี 2001 ที่ผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศ ลีก คัพ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ซึ่งเข้าชิงชนะเลิศ ลีก คัพ เป็นครั้งที่ 11 และเคยคว้าแชมป์ 7 สมัยมากกว่าทุกทีม ก็เตรียมลุ้นแชมป์ลีก คัพ เป็นสมัยที่ 8 ของสโมสร
สำหรับสภาพทีม มัลกี แม็กเคย์ กุนซือคาร์ดิฟฟ์ จัดทัพ 4-4-2 วาง เคนนี มิลเลอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติสกอตแลนด์ ล่าตาข่ายกับ รูดีย์ เกสเตเด ขณะที่ ลิเวอร์พูล ของ เคนนี ดัลกลิช ก็วางระบบ 4-4-2 เช่นกัน สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมคอยคุมเกมตรงกลาง แอนดี คาร์โรลล์ ยืนหน้าคู่กับ หลุยส์ ซัวเรซ โดยที่ เครก เบลลามี อดีตผู้เล่นของ คาร์ดิฟฟ์ นั่งเป็นสำรองก่อน
เริ่มเกมมาเพียง 2 นาที ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูนำจากจังหวะที่ เจอร์ราร์ด กระชากบอลขึ้นมาหน้าเขตโทษ ถ่ายบอลมาให้ สจวร์ต ดาวนิง ก่อนที่ เกลน จอห์นสัน ได้บอลหน้าเขตโทษแล้วปั่นโค้งผ่านมือ ทอม ฮีตัน ผู้รักษาประตู คาร์ดิฟฟ์ แต่โชคร้ายบอลไปชนคาน
“หงส์แดง” เป็นฝ่ายครองเกมบุกดีกว่า แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอ ขณะที่ คาร์ดิฟฟ์ ใช้การตั้งรับแล้วรอสวนกลับ กระทั่งเกมผ่านมาถึงนาที 19 ทีมต่อบอลกันขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษของลิเวอร์พูล ก่อนที่ มิลเลอร์ แทงบอลให้ โจ เมสัน หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ เปเป เรนา แล้วซัดบอลลอดขานายด่านทีมชาติสเปนซุกก้นตาข่ายให้ทีมจากเดอะ แชมเปียนชิป ขึ้นนำ 1-0 แบบพลิกความคาดหมาย
หลังจากเสียประตู ลิเวอร์พูลพยายามทำเกมเพื่อทวงคืน ในนาที 30 จากจังหวะโต้กลับเร็ว โฆเซ เอนริเก ได้บอลหน้าเขตโทษ พยายามปั่นโค้งด้วยเท้าขวา บอลหลุดสามเหลี่ยมออกไป อีก 2 นาทีถัดมา กองหลังคาร์ดิฟฟ์เตะเคลียร์ทิ้งไม่ดี บอลออกมาเข้าทาง ชาร์ลี อดัม ซัดจากนอกเขตโทษเฉียดโคนเสาออกหลัง
ลูกทีมของ เคนนี ดัลกลิช ยังพับสนามบุก ในนาที 39 สจวร์ต ดาวนิง ได้บอลหลุดขึ้นมาทางกราบซ้ายจนสุดเส้นหลัง ก่อนเปิดมาหน้าประตู คาร์โรลล์ เข้าไม่ถึง แต่บอลเลยมาเข้าทาง เจอร์ราร์ด ซัดเหินข้ามคาน อีก 3 นาทีถัดมา ซัวเรซ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวล็อกหลบกองหลังหน้าเขตโทษ ก่อนดีดด้วยขวาบอลไปตรงตัว ฮีตัน รับเข้าซอง
ลิเวอร์พูล มีโอกาสลุ้นอีกครั้งในนาที 44 จากฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ เจอร์ราร์ด เปิดไปให้ ดาเนียล แอกเกอร์ โหม่งเน้นๆ แต่ก็ยังตรงตัว ฮีตัน อีก สุดท้ายไม่สามารถตามตีเสมอได้ จบครึ่งแรก คาร์ดิฟฟ์ นำ 1-0
หลังจากรูปเกมยังไม่ดีขึ้นในครึ่งเวลาหลัง ดัลกลิชเปลี่ยนผู้เล่นคนแรกส่ง เครก เบลลามี ลงมาแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในนาที 57 และอีก 3 นาทีถัดมา ลิเวอร์พูล ก็ทำประตูตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จจากลูกเตะมุม อดัม วางบอลไปเข้าหัว คาร์โรลล์ โหม่งชกมาหน้าประตู ซัวเรซ สะบัดต่อไปชนเสา แต่บอลยังมาเข้าทาง มาร์ติน สเคอร์เทล ซัดลอดขา ฮีตัน ซุกตาข่าย
“หงส์แดง” ได้ใจเดินหน้าบุกต่อในนาที 72 สเคอร์เทล มีโอกาสวอลเลย์มุมแคบจากลูกเตะมุม แต่ถูก ฮีตัน เซฟเอาไว้ได้ อีก 5 นาทีถัดมา ฮีตัน ออกแรงอีกครั้งพุ่งปัดลูกยิงจากนอกเขตโทษของ ดาวนิง ขณะที่ คาร์ดิฟฟ์ ก็มีจังหวะลุ้นประตูเช่นกันในนาที 83 ดอน คาวี เปิดบอลจากกราบซ้ายไปให้ เบน เทอร์เนอร์ ขึ้นโขกเสาสองออกหลัง
ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมแลกกันอย่างสนุก โดยนาที 85 ซัวเรซเก็บบอลได้ทางริมเขตโทษด้านซ้าย ก่อนไหลเข้ากลาง อดัม วิ่งมาซัดไปตรงตัว ฮีตัน ขณะที่ คาร์ดิฟฟ์ เกือบทำประตูชัยในนาที 88 จากการเล่นฟรีคิกสั้น มิลเลอร์ หลุดเข้าเขตโทษ แต่กดไม่ลงซัดเหินข้ามคาน สุดท้ายไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มอีกจบเกมเสมอกัน 1-1 ต้องไปเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ลิเวอร์พูล ทำเกมบุกต่อเมื่อกลับมาลงสนามอีกครั้ง แต่โอกาสหลายจังหวะยิงทิ้งยิงขว้างไปเอง เกมมาถึงนาที 104 ดัลกลิช ส่งไพ่ตายใบสุดท้าย เดิร์ก เคาต์ ลงมาแทนที่ คาร์โรลล์ และกองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์เป็นทีเด็ด เมื่อยิงประตูนาที 107 ให้ทีมนำ 2-1 แต่ “หงส์แดง” รักษาสกอร์ไม่อยู่ เสียประตูในนาที 118 จากลูกเตะมุมแล้ว เทอร์เนอร์ จิ้มบอลจ่อๆ หน้าปากประตูเข้าไป สุดท้ายเสมอ 2-2 ทั้งสองทีมต้องไปดวลจุดโทษเพื่อตัดสินผู้ชนะ
ปรากฏว่า แอนโทนีย์ เจอร์ราร์ด ลูกพี่ลูกน้องของกัปตันทีมลิเวอร์พูล ยิงไม่เข้าเองในลูกสุดท้าย ลิเวอร์พูลเอาชนะดวลจุดโทษ 3-2 คว้าแชมป์ได้สำเร็จ เป็นรายการแรกนับแต่ชนะ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2006
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี - ทอม ฮีตัน, เควิน แม็กนอห์ตัน, มาร์ก ฮัดสัน, แอนดรูว์ เทย์เลอร์, เบน เทอร์เนอร์, ดอน โควี, ปีเตอร์ วิตทิงแฮม, เอรอน กุนนาร์สสัน, เคนนี มิลเลอร์, รูดีย์ เกสเตเด, โจ เมสัน
ลิเวอร์พูล - เปเป เรนา, เกลน จอห์นสัน, ดาเนียล แอกเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, โฆเซ เอนริเก, สตีเวน เจอร์ราร์ด, สจวร์ต ดาวนิง, ชาร์ลี อดัม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แอนดี คาร์โรลล์, หลุยส์ ซัวเรซ