ลิเวอร์พูล ได้อานิงสงส์จาก ไบรท์ตัน ที่สกัดพลาดเข้าประตูตัวเองถึง 3 ลูกช่วยให้เปิดบ้านยิงสลุตคว้าชัย 6-1 ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกเอฟเอ คัพ ไปพบกับ สโต๊ค ซิตี ในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ต่อไป
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 5
ลิเวอร์พูล 6-1 ไบรท์ตัน
คู่สุดท้ายของรอบ 5 ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 7 จากศึกพรีเมียร์ลีก เปิดสนามแอนฟิลด์ต้อนรับ ไบรท์ตัน ทีมอันดับ 9 จากเดอะ แชมเปียนชิป เกมนี้เจ้าถิ่นส่ง แอนดี คาร์โรลล์ หัวหอกร่างยักษ์ค่าตัวแพงลงมาล่าตาข่ายตั้งแต่ต้นโดยมี หลุยส์ ซัวเรซ คอยสนับสนุน ขณะที่ทีมเยือนเน้นอัดแผงกลางให้แน่นถึง 5 คน พร้อมทั้งห้อย แซม โวคส์ เป็นศูนย์หน้าตัวเป้าเพียงคนเดียว
เปิดฉากมาได้เพียง 5 นาที “หงส์แดง” ก็ตีปีกขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็ว 1-0 เมื่อ สตีเวน เจอร์ราร์ด เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายมาที่เสาแรกให้ มาร์ติน สเคอร์เทล โหม่งสะบัดเปลี่ยนทางเพียงนิดเดียวส่งลูกเสียบเสาแรกเข้าไป อย่างไรก็ตาม “นกนางนวล” มาตามตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 17 จากลูกฟรีคิกนอกเขตโทษเยื้องมาทางซ้ายก่อนที่จะมีการเขี่ยเปลี่ยนจุดให้ คาเซนกา ลัวลัว กระทุ้งเต็มข้อเบียดเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบขาด
หลังจากสกอร์กลับมาเท่ากัน ลิเวอร์พูล ก็ครองบอลบุกอย่างต่อเนื่องจนเกือบออกนำได้อีกครั้งในนาทีที่ 28 โดย ซัวเรซ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงแหวกแนวรับ ไบรท์ตัน เข้าไปดีดด้วยข้างเท้าด้านนอกในเขตโทษ ลูกทำท่าจะซุกก้นตาข่ายอยู่แล้ว แต่ อินยิโก กัลเดรอน ยังตามมาล้มตัวขวางเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด 4 นาทีให้หลัง เจอร์ราร์ด หยอดบอลเข้าเขตโทษให้ คาร์โรลล์ เทกตัวโขกส่งลูกเฉี่ยวคานออกไปเพียงนิดเดียว
อย่างไรก็ตาม หงส์แดงมาพังประตูนำ 2-1 ได้แบบโชคช่วยในนาทีที่ 44 จากจังหวะที่ได้ลูกเตะมุมแล้ว ซัวเรซ ดึงบอลลงอย่างเหนือชั้นแล้วยิงไปติดเซฟ เบรโซแวน ก่อนที่ เกล็น จอห์นสัน จะโหม่งซ้ำไปติด แซม โวคส์ ที่ยืนคุมเส้น ทว่าบอลเจ้ากรรมกลับไปกระดอนตัว เลียม บริดคัตต์ ย้อนกลับมาเข้าประตูตัวเอง ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง เจ้าบ้านก็หนีห่างไปเป็น 3-1 ในนาทีที่ 57 จากจังหวะที่ สจวร์ต ดาวนิง กระชากบอลหนีผู้เล่นทีมเยือนขึ้นมาทางซ้ายก่อนจ่ายย้อนกลับมาบริเวณจุดโทษให้ คาร์โรลล์ ตวัดยิงแบบไม่จับส่งลูกผ่านมือ เบรโซแวน เสียบเสาแรกอย่างเด็ดขาด จากนั้นนาทีที่ 71 ลิเวอร์พูล ก็ได้เฮอีกครั้ง เมื่อ เจอร์ราร์ด เก็บส้มหล่นจากการกะจังหวะโหม่งพลาดของ กอร์ดอน เกรียร์ แล้วยิงไปติด เบรโซแวน ก่อนตามไปตวัดจากสุดเส้นหลังยัดมาที่เสาแรก ลูกแฉลบ เลียม บริดคัตต์ เจ้าเก่าเข้าประตูตัวเองอีกรอบเป็น 4-1
เท่านั้นไม่พอ “นกนางนวล” มาสกัดเข้าประตูตัวเองเป็นครั้งที่ 3 ในนาทีที่ 74 หลังจาก ซัวเรซ เปิดจากริมเขตโทษด้านซ้ายแล้วลูกมาตกใส่ ลูอิส ดังค์ ที่พยายามแต่งบอลเพื่อหวดเคลียร์ แต่กลับเดาะลูกไปโดนหัวเข่าจนทะลักข้ามเส้นประตูไปอย่างโชคร้ายเป็น 5-1 จากนั้นเจ้าถิ่นก็มาได้จุดโทษในนาทีที่ 80 หลังจาก เดิร์ก เคาท์ ตัวสำรองที่ลงมาแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ถูกทำฟาวล์ในเขตโทษ แต่ ซัวเรซ กลับยิงไปถูก เบรโซแวน ปัดออกหลัง
กระนั้น ซัวเรซ ก็มามีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดจนได้ในนาทีที่ 85 เมื่อ โฆเซ เอ็นริเก เติมขึ้นมาถึงเส้นหลังฝั่งซ้ายแล้วหยอดไปที่เสาไกลให้ คาร์โรลล์ โหม่งตั้งมาที่ศูนย์หน้าทีมชาติอุรุกวัยโขกเผาขนไม่เหลือซาก จบเกม ลิเวอร์พูล ยำใหญ่ ไบรท์ตัน 6-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับ สโต๊ค ซิตี ในระหว่างวันที่ 17-18 มีนาคมนี้
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล - โฆเซ เรนา, เกล็น จอห์นสัน, เจมี คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, โฆเซ เอ็นริเก, สตีเวน เจอร์ราร์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม, สจวร์ต ดาวนิง, หลุยส์ ซัวเรซ, แอนดี คาร์โรลล์
ไบรท์ตัน - ปีเตอร์ เบรโซแวน, อินยิโก กัลเดรอน, กอร์ดอน เกรียร์, ลูอิส ดังค์, อดัม เอล-อาเบ็ด, อลัน นาวาร์โร, เลียม บริดคัตต์, วิลเลียม บัคลีย์, แอชลีย์ บาร์นส, คาเซนกา ลัวลัว, แซม โวคส์
ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 5
ครอว์ลีย์ ทาวน์ แพ้ สโต๊ค ซิตี 0-2 (โจนาธาน วอลเตอร์ส 0-1 จุดโทษ นาที 42), (ปีเตอร์ เคราช์ 0-2 นาที 52)
สตีฟเนจ เสมอ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 0-0
ลิเวอร์พูล ชนะ ไบรท์ตัน 6-1 (มาร์ติน สเคอร์เทล 1-0 นาที 5), (คาเซนกา ลัวลัว 1-1 นาที 17), (เลียม บริดคัตต์ 2-1 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 44), (แอนดี คาร์โรลล์ 3-1 นาที 57), (เลียม บริดคัตต์ 4-1 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 71), (ลูอิส ดังค์ 5-1 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 74), (หลุยส์ ซัวเรซ 6-1 นาที 85)
