เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่พอใจการกระทำของ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ปฏิเสธจับมือ ปาทริซ เอฟรา ลูกทีมของตน ก่อนเริ่มเกมพรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดแดงเดือด เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 11 ก.พ. 2555 ซึ่งจบลงที่ "ผีแดง" เฉือนชนะ 2-1 โดยระบุกองหน้าอุรุกวัยคือความอัปยศของ ลิเวอร์พูล
ชัยชนะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จากการทำสองประตูของ เวย์น รูนีย์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ แต่ประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากคือก่อนเริ่มเกมที่ ซัวเรซ ไม่ยอมจับมือกับ เอฟรา คู่กรณีที่มีปัญหากันในเกมนัดแดงเดือดเมื่อเดือตุลาคมปีที่แล้ว ซัวเรซ โดนลงโทษแบนยาว 8 นัดจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) จากการพูดเหยียดสีผิว เอฟรา
หลังจบเกม เฟอร์กูสัน ตำหนิการกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาของ ซัวเรซ โดยเชื่อว่าประวัติศาสตร์และประเพณีที่ดีงามของ ลิเวอร์พูล จะมาเสียด้วยน้ำมือของกองหน้าทีมชาติอุรุกวัย
"ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาทำแบบนั้น" กุนซือชาวสกอตกล่าว "เมื่อตอนเช้า ผมพูดกับ ปาทริซ และเขาบอกกับผมว่าเขาจะจับมือกับ หลุยส์ ซัวเรซ เขาบอกว่าเขาไม่มีอะไรต้องอาย แต่ ซัวเรซ เป็นความอัปยศของ ลิเวอร์พูล เขาไม่สมควรเล่นให้ ลิเวอร์พูล อีกต่อไป ประวัติศาสตร์ของสโมสรจะถูกเขาทำลาย สิ่งที่เขาทำมันเลวร้ายมาก"
ขณะที่ เคนนี ดัลกลิช ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล กล่าวว่าตนเองไม่เห็นเหตุการณ์ที่ ซัวเรซ ปฏิเสธจับมือ เอฟรา "ผมไม่รู้ว่าเขาไม่ได้จับมือ ผมจะจำคำของคุณไว้ เพราะมันขัดแย้งกับสิ่งที่ผมได้รับฟังมา มันง่ายที่จะกล่าวโทษ หลุยส์ ซัวเรซ สำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มีการจดชื่อกี่ครั้งกันในเกมนี้ แฟนบอลทั้งสองทีมก็กระเซ้าเย้าแหย่กันไม่มีปัญหาอะไร"
แต่ ดัลกลิช ยอมรับว่า ลิเวอร์พูล แพ้ให้แก่ทีมที่ดีกว่า "แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ดีกว่า แต่เป็นสิ่งที่คุณคาดหวังอยู่แล้วเมื่อพวกเขาเล่นในบ้าน เราทำให้ตัวเองเจอความยากลำบากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา"