ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน “บลู อาร์มี” ทีมแชมป์ฟุตบอลเยาวชน 7 คน ของโครงการ “เคเอฟซี เซเวน ชูต ซีซัน 3” จากโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี เดินทางไปเตะเกมกระชับมิตรกับทีมเยาวชนของ แทมปิเนส โรเวอร์ส เอฟซี ที่ประเทศสิงค์โปร์ ปรากฏว่าเด็กไทยชุดนี้ สร้างความฮือฮาด้วยการถล่มทีมเจ้าบ้านชนิดไม่ไว้หน้า 19-0 ซึ่งนอกจากต้องยกเครดิตให้ผู้เล่นแนวรุกที่ผลัดกันขึ้นมาทำประตูแล้ว การยืนเฝ้าแนวรับของ เนติพงษ์ แสนมะฮุง ดาวรุ่งจากสกลนคร ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ทีมไม่เสียประตูในเกมนี้ และด้วยฟอร์มอันโดดเด่น ทำให้เจ้าตัวกำลังได้รับความสนใจแมวมองของ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่ประจำศึกไทยพรีเมียร์ลีก ที่จ้องดึงตัวไปร่วมทีมในอนาคต และบรรทัดต่อจากนี้ไป เราจะมาทำความรู้จักกับดาวรุ่งผู้นี้กันให้มากขึ้น
กองหลังดาวรุ่งวัย 15 ปี เปิดใจถึงเส้นทางการเล่นฟุตบอลของตัวเองว่ามีพี่ชายที่มักชวนตนออกไปเล่นฟุตบอลอยู่เสมอเป็นแรงบันดาลใจ จากนั้นเมื่อเข้าสู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก็ได้รับการชักชวนจาก อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ โค้ชฟุตบอลของโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ให้ย้ายเข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ ด้วยทุนนักกีฬาและก็ได้เล่นฟุตบอลในนามตัวแทนของโรงเรียนมาโดยตลอดนับจากนั้น
ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ บวกกับสไตล์การเล่นและการเข้าปะทะอันหนักหน่วง ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจเลือกยืนตำแหน่งกองหลัง โดยมี ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานยา วีดิช สองกองหลังพันธุ์แกร่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ “เจ้าโอ๊ต” ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ กองหลังทีมชาติไทยและเมืองทองฯ ยูไนเต็ด เป็นแรงบันดาลใจ โดยกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ผมลองเล่นหลายตำแหน่ง แต่ก็พบว่าตัวเองถนัดตำแหน่งกองหลังมากที่สุด เพราะด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ และคำแนะนำของอ.สกล ที่เห็นศักยภาพของผมจากตำแหน่งนี้ ทำให้ผมเลือกยืนพื้นที่ในกองหลังมาโดยตลอด”
สำหรับเป้าหมายสูงสุดในการเล่นฟุตบอล “เจ้าอาร์ต” เผยความฝันที่มีเหมือนกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน นั่นคือการได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ “อาชีพนักฟุตบอลคือสิ่งที่ผมใฝ่ฝันมาตลอด สิ่งที่ผมต้องทำเวลานี้คือพยายามฝึกซ้อมและพัฒนาฝีเท้าของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อจะได้มีโอกาสขึ้นไปเป็นนักเตะอาชีพตามความฝัน และจะได้ช่วยหาเลี้ยงครอบครัว เพราะที่บ้านผมมีฐานะค่อนข้างยากจน หากไม่ได้เตะฟุตบอล ผมคงไม่มีทุนเรียนต่อในกรุงเทพฯ”
เมื่อถามถึงสโมสรที่เจ้าตัวต้องการเซ็นสัญญาร่วมทัพมากที่สุด เนติพงษ์ ตอบอย่างไม่ลังเลว่าต้องเป็น เมืองทองฯ ยูไนเต็ด เท่านั้น เพราะหนึ่งในความฝันของเจ้าตัวคือการได้ร่วมทีมเดียวกับ “เจ้าโอ๊ต” ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ กองหลังจอมแกร่งที่ตนนับถือ และเวลานี้ก็มีข่าวว่า แมวมองของ “กิเลนผยอง” กำลังให้ความสนใจ “เจ้าอาร์ต” เช่นกัน โดยกล่าวว่า “หากได้เล่นกับเมืองทองฯ ผมคงรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง เพราะจะได้ร่วมทีมกับพี่โอ๊ต ที่ผมนับถือ เพียงแต่ทุกอย่างคงต้องให้ทางอาจารย์ และผู้ใหญ่ของเมืองทองฯ เป็นคนตัดสินใจ”
ขณะที่ อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ ผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลของโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี แสดงทรรศนะถึงกองหลังร่างโย่งที่ช่วยให้ทีมไม่เสียประตูในเกมฟาดแข้งกับสโมสรเยาวชนของแดนลอดช่อง ว่า “โดยรวมแล้วอาร์ตเป็นผู้เล่นที่มีศักยภาพดี และด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ ทำให้เจ้าตัวเหมาะที่จะเล่นกองหลัง บอกตามตรงเขาทำผลงานได้ไม่เลว เพราะตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของเคเอฟซี เซเวน ชูต เป็นต้นมา เราไม่เสียประตูให้ทีมใดเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังต้องแก้ไขคือควรปรับสภาพจิตใจให้แข็งแกร่งกว่านี้ ซึ่งหากทำได้ เขาจะเป็นผู้เล่นฝีเท้าดีคนหนึ่งของวงการฟุตบอล”
ด้าน “เสี่ยเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทั่วไปของทีม เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ก็ยืนยันว่าทางสโมสรกำลังให้ความสนใจตัว “เจ้าอาร์ต” เช่นเดียวกับอีกแข้งเยาวชนรายอื่นๆที่ทำผลงานเข้าตาแมวมองของ “กิเลนผยอง” โดยกล่าวว่า “เราส่งทีมแมวมองไปดูฝีเท้าเด็กทั่วประเทศไทย ซึ่งเวลานี้เรามีนโยบายที่จะลดค่าเฉลี่ยอายุผู้เล่นให้น้อยลง และอาร์ตเองก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่เราให้ความสนใจ เพียงแต่ต้องรอดูรายงานจากแมวมองอีกทีว่า เขาทำผลงานดีเพียงใด หากผ่านการประเมินของทีมงาน เราก็จะเรียกตัวเข้ามาพูดคุยและเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนของทีม”
สุดท้าย “เสี่ยต้น” อภิชาติ สวัสดีมงคล ผู้จัดการภาคของเคเอฟซี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มโครงการ “เคเอฟซี เซเวน ชูต” กล่าวถึงความสำเร็จของกิจกรรมนี้ตลอด 3 ซีซันที่ผ่านมา และความคาดหวังที่มีต่อแข้งเยาวชนไทยในโครงการนี้ว่า “สำหรับกิจกรรมนี้ ได้รับการตอบรับจากเยาวชนทั่วประเทศเป็นอย่างดี สังเกตได้ว่ามีประชาชนสนใจส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันมากขึ้นทุกซีซัน ถือเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นเยาวชนไทยหันมาใช้เวลาว่างด้วยการเล่นกีฬา และสำหรับตัวผมเองนั้น สิ่งที่คาดหวังมากที่สุดไม่ใช่เรื่องของกำไร แต่คือการหวังว่าสักวัน ผมจะได้เห็นเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนี้ ก้าวขึ้นไปเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยในอนาคต ซึ่งหลังจากได้เห็นศักยภาพของทุกคนแล้ว ผมเชื่อว่าพวกเขาต้องทำได้อย่างแน่นอน”
เรื่องโดย : วัลลภ สวัสดี