กกท.เตรียมร่างพรบ.สารกระตุ้นภายในเม.ย.นี้

นายแพทย์มีชัย อินวู๊ด หัวหน้าตรวจรักษาฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา ของกกท. เตรียมยื่นหนังสือร่าง พระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ผ่านการประชุมของคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 เวลาประมาณ 10.00 น. ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการหมายเลข 309 อาคารรัฐสภา 2 ได้มีการประชุมของคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา นำโดย นางนฤมล ศิริวัฒน์ เป็นประธาน โดยมีระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญคือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา

โดยก่อนหน้านี้องค์กรที่สามารถตรวจสารกระตุ้นกับทางนักกีฬาที่จะทำการแข่งขันได้ จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของสมาคมการกีฬาแห่งประเทศไทย แต่เนื่องจากทางกกท.จะตรวจได้แค่เพียงนักกีฬาระดับทีมชาติเท่านั้น จึงทำให้ไม่ครอบคลุมนักกีฬาโดยรวมทั้งหมด อีกทั้งยังไม่เป็นมาตรฐานสากลตามที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เป็นผู้กำหนด จึงได้มีการเสนอร่างพรบ.การใช้สารกระตุ้นขึ้น

นายแพทย์มีชัย อินวู๊ด หัวหน้าตรวจรักษาฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬาของ กกท. จึงเตรียมยื่นหนังสือร่าง พระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ผ่านการประชุมของคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา โดยระบุว่า "ทางเราจะสร้างองค์กรกึ่งอิสระขึ้นมาภายใต้สมาคมการกีฬาฯ โดยใช้บุคลากรเดิม แต่จะมีคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อคอยดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ และจะผสานกับทางมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีห้องตรวจสารกระตุ้นที่ได้มาตรฐานตามระดับสากล โดยจะเป็นฝ่ายตรวจสอบดูแลเรื่องสารกระตุ้นของนักกีฬาทั้งหมด รวมถึงการให้ความรู้กับตัวนักกีฬาและผู้ฝึกสอนเรื่องการใช้ยาอย่างถูกต้อง"

"ตอนนี้การตรวจสารกระตุ้นจะเป็นหน้าที่ของทางกกท.ทั้งหมด แต่มันจะไม่สามารถควบคุมในนักกีฬาที่ต่ำกว่าระดับทีมชาติได้ เช่นนักกีฬาโรงเรียน นักกีฬาจากมหาวิทยาลัย ผมจึงเสนอเรื่องการร่างพรบ.ฉบับนี้ในที่ประชุม ซึ่งพรบ.ฉบับนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถดูแลนักกีฬาได้ทุกชนชั้น และยังเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ทาง ไอโอซี ต้องการ ซึ่งจะทำให้สะดวกต่อนักกีฬาเวลาไปทำการแข่งขันยังต่างประเทศ เพราะสามารถตรวจให้แล้วเสร็จภายในประเทศไทยได้เลย"

นพ. มีชัย ยังย้ำว่า "ถ้าพรบ.ดังกล่าวสามารถร่างออกมาใช้ได้สำเร็จ จะเป็นประโยชน์ต่อทางนักกีฬาและทางสมาคมเป็นอย่างมาก และจะเป็นการทำตามมาตรฐานที่ทาง ไอโอซี วางไว้ ซึ่งถ้าประเทศไหนไม่ได้มาตรฐาน อาจมีผลเสียถึงขั้น ถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งขันโอลิมปิก หรือห้ามเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาใดๆเลย โดยจะพยายามให้แล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย. นี้แน่นอน" แพทย์หนุ่มร่ายยาว