มาริโอ บาโลเตลลี หัวหอกจอมกวน แมนเชสเตอร์ ซิตี ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ตั้งข้อหามีพฤติกรรมรุนแรงจากเหตุการณ์ที่ใช้เท้าย่ำใส่ศีรษะของ สกอตต์ ปาร์เกอร์ มิดฟิลด์ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ระหว่างเกมพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ที่ต้นสังกัดชนะ 3-2 เมื่อวันอาทิตย์ท่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา
บาโลเตลลี เป็นคนซัดจุดโทษประตูชัย 3-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้ แมนฯ ซิตี เก็บชัยชนะในเกมดังกล่าว แต่ก่อนหน้านั้นกองหน้าวัย 21 ปีเล่นสกปรกใช้สตั๊ดย่ำใส่ศีรษะ ปาร์เกอร์ จากจังหวะต่อเนื่องหลังทั้งคู่เข้าปะทะกัน แต่รอดพ้นการถูกลงโทษจาก ฮาเวิร์ด เวบบ์ ผู้ตัดสินซึ่งมองไม่เห็นเหตุการณ์
ภายหลังจบเกม แฮร์รี เรดแนปป์ กุนซือ "ไก่เดือยทอง" ไม่พอใจการกระทำของดาวเตะทีมชาติอิตาลี โดยระบุว่าสมควรถูกไล่ออก "ผมบอกเลยนะว่าคนที่ยิงจุดโทษในช่วงท้ายเกมนั้นไม่สมควรอยู่ในสนามจริงๆ เพราะเขาไปเตะใส่ที่หัวของลูกทีมผม เขาต้องรู้แน่ว่าทำอะไรลงไปและผมคิดว่าเขานี่มันโชคดีจริงๆที่ไลน์แมนมองไม่เห็นจังหวะนั้น"
แต่ล่าสุดสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บาโลเตลลี ไม่รอดถูก เอฟเอ ตั้งข้อหามีพฤติกรรมรุนแรง โดยเขามีเวลาถึง 18.00 น.วันพุธที่ 25 ม.ค.นี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เพื่อตอบรับหรือปฏิเสธข้อหา ซึ่งมีโทษแบน 4 นัดรออยู่
ถ้า บาโลเตลลี ยอมรับข้อหาก็จะทำให้เขาพลาดช่วย แมนฯ ซิตี ลงเตะเกมลีก คัพ รอบตัดเชือก เลกสอง กับ ลิเวอร์พูล ในคืนวันพุธนี้ แต่ถ้ายื่นอุทธรณ์ก็ยังสามารถวาดลวดลายในสนามแอนฟิลด์ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากอุทธรณ์ไม่สำาเร็จก็เสี่ยงถูกลงโทษแบนเพิ่ม
นอกจากนี้ เอฟเอ ยืนยันด้วยว่าไม่เอาผิด โจเลียน เลสคอตต์ กองหลัง แมนฯ ซิตี ซึ่งพบว่ามีการศอกใส่ ยูเนส กาบูล กองหลัง ทอตแนม ในเกมลีกนัดเดียวกัน