คอลัมน์ "Final Quarter" โดย "ลุงแซม"
ขึ้นชื่อว่า "ทีมกีฬาอาชีพ" การทำงานร่วมกันเป็นทีมย่อมมีโอกาสต่อยอดสู่ความสำเร็จ ซึ่งในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) การสอดประสานช่วยเหลือซึ่งกันทั้ง ทีมบุก ทีมรับ ทีมพิเศษ ยิ่งมีมากเท่าไหร่ โอกาสสัมผัส "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพียงแต่โอกาสที่ความยอดเยี่ยมจะมาบรรจบกันอย่างสมบูรณ์แบบเป็นเรื่องไม่ง่าย ดังนั้นหากแฟรนไชส์ใดนำเอาจุดเด่นของตัวเองมาขายได้มากกว่า ชัยชนะก็ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม
หลังจากผ่านสัปดาห์ไวลด์การ์ด ศึกดิวิชันนัล เพลย์ออฟ เตรียมเปิดฉากขึ้นอาทิตย์นี้ ถึงเวลาที่ทีมซึ่งทำผลงานโดดเด่นในฤดูกาลปกติอย่าง กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส, นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์, ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส หรือว่า บัลติมอร์ เรฟเวนส์ จะลงสู่สนามมาถูกท้าทายโดย นิวยอร์ก ไจแอนท์ส, เดนเวอร์ บรองโกส์, นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส และ ฮุสตัน เท็กแซนส์ ซึ่งในคอลัมน์ตอนนี้ผู้เขียนขอหยิบยกเอาจุดเด่นของแต่ละแฟรนไชส์มาลองไขปริศนาโอกาสลิ่วสู่รอบต่อไป
เริ่มจาก แพ็คเกอร์ส และ แพทริออตส์ สองทีมเต็งที่มีคุณสมบัติเด่นคล้ายคลึง ในขณะที่ "แพ็คส์แมน" มี แอรอน ร็อดเจอร์ส นำทัพ "แพทส์แมน" ก็มี ทอม เบรดี เชิดหน้าชูตา ซึ่งความยอดเยี่ยมของทั้งคู่ ต้องยกเครดิตให้เพื่อนร่วมทีมบุก ถ้า "เอ-ร็อด" ไม่มีกลุ่มปีกฝีมือเยี่ยมอย่าง เกร็ก เจนนิงส์, จอร์ดี เนลสัน, โดนัลด์ ไดรฟเวอร์, เจมส์ โจนส์ หรือ เจอไมเคิล ฟินลีย์ คอยรับบอล สถิติขว้าง 45 ทัชดาวน์ เสียเพียง 6 อินเทอร์เซปต์ (น้อยที่สุดอันดับ 2 ของลีก) คงไม่เกิดขึ้น ขณะที่ เบรดี ก็เช่นกัน การมี เวส เวลเกอร์ ป่วนทีมรับคู่แข่งหาช่องรับบอล หรือการอาศัย ร็อบ กรอนคาวสกี และ แอรอน เฮอร์นานเดซ สอดทำระยะ สถิติขว้าง 5,235 หลาในฤดูกาลเดียวคงไม่เกิดขึ้น ดังนั้นความจัดจ้านใน "ทีมบุก" จึงกลบจุดด้อยในทีมรับไปถนัดตา ทว่าในความบ้อท่า "ทีมรับ" แพ็คส์และแพทส์ ยังแฝงด้วยความอันตราย สามารถอินเทอร์เซปต์คู่แข่งได้ 31 และ 23 หนตามลำดับ
ส่วน เซ็นต์ส มีทีมบุกร้อนแรงไม่แพ้ แพ็คเกอร์ส และแพทริออตส์ โดย ดรูวส์ บรีส์ ทำลายสถิติการขว้างได้ระยะมากที่สุดใน NFL ของ แดน มาริโน จากผลงานบอมบ์ 5,476 หลา ซึ่งก็เช่นกัน "นักบุญ" อุดมไปด้วยกลุ่มปีกที่เลอเลิศ มาร์คิส โคลสตัน, เดเวอรี เฮนเดอร์สัน, แลนซ์ มัวร์, โรเบิร์ต มีแชม และ จิมมี แกรห์ม แต่สิ่งที่ทำให้ เซ็นต์ส แตกต่างคือ การมี "เกมวิ่ง" อันทรงพลัง นี่ถ้า มาร์ค อินแกรม รันนิงแบ็กรุคกีไม่ปิดเทอมยาวจากอาการบาดเจ็บนิ้วเท้า เท่ากับว่าทีมจะมีหมัด 1-2-3 (ผนวกรวม ปิแอร์ โธมัส กับ ดาร์เรน สโปรลส์)
ไปที่ โฟร์ตีไนเนอร์ส และ เรฟเวนส์ กันบ้าง นี่เป็นสองทีมที่ขายเรื่อง "ทีมรับ" อันดับ 3 และ 4 ของลีกตามลำดับ ในขณะที่ "คนตื่นทอง" มี แพทริค วิลลิส เป็นคีย์แมนในแผงไลน์แบ็กเกอร์ อันดอน สมิธ กับ จัสติน สมิธ พร้อมถลาโถมแซ็คควอเตอร์แบ็ก เช่นเดียวกับที่ "อีกาพญายม" มีพี่ใหญ่อย่าง เรย์ ลูอิส เป็นแกนนำ เทอร์เรลล์ ซักก์ หรือว่า เอ็ด รีด ก็พร้อมสร้างความรวดร้าวให้คู่แข่งได้ทุกเมื่อ อีกทั้ง "บอลคอนโทรล" ของทั้งสองทีมถือว่ายอดเยี่ยม แฟรงค์ กอร์ (ไนเนอร์ส) กับ เรย์ ไรซ์ รวมทั้ง เวอร์นอน เดวิส และ เดนนิส พิตตา (เรฟเวนส์) ทำให้ อเล็กซ์ สมิธ และ โจ แฟล็กโก ไม่ต้องเสี่ยงต่อความผิดพลาด
ด้าน เท็กแซนส์ องค์ประกอบ (เกือบ) สมบูรณ์แบบ "ทีมรับ" ภายใต้การดูแลของ เหว็ด ฟิลลิปส์ สถิติอันดับ 2 รองแค่ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ส่วนทีมบุกมี เอเดรียน ฟอสเตอร์ รันนิงแบ็กระดับพันหลา สลับกับ เบน เทต คอยกระทุ้ง เกมกลางอากาศมี อังเดร จอห์นสัน เหินหาวอยู่ทั้งคน นี่ถ้า แมตต์ ช็อบ ไม่บาดเจ็บพักทั้งซีซัน โอกาสที่ เท็กแซนส์ จะสร้างเซอร์ไพรส์คงสูงกว่าที่เป็นอยู่ แฟนๆ คงต้องมาลุ้นว่า ที.เจ.เยตส์ ควอเตอร์แบ็กรุคกี้สามารถสวมบท "ซินเดอเรลลา" ได้นานแค่ไหน
ปิดท้ายกันที่ ไจแอนท์ส และ บรองโกส์ ซึ่งเด่นคนละแบบ "ยักษ์ใหญ่" มีเกมการขว้างที่ไม่เป็นสองรองใคร อีลาย แมนนิง ชอบเสียด้วยกับการพาทีมคัมแบ็กควอเตอร์สุดท้าย วิคเตอร์ ครูซ กับ ฮาคีม นิกส์ ถือเป็นคู่ปีกในฝันของ NFL รับเกินระยะพันหลา นี่ถ้า อาห์หมัด แบรดชอว์ และ แบรนดอน จาค็อบส์ สลับกันวิ่งได้มันกว่านี่ ไจแอนท์ส มีลุ้นซูเปอร์โบว์ลอีกสมัย เพราะทีมรับก็แสบใช้ได้ทั้ง เจสัน ปิแอร์-พอล, จัสติน ทัค นี่ยังได้ โอซี อูเมนยิโอรา ฟิตกลับมาเข้าแก๊งค์ด้วยแล้ว สำหรับ "ม้าป่า" ทีมที่วิ่งอันดับ 1 ของลีก เฉลี่ย 164.5 หลาต่อเกม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ทิม ทีโบว์ ควอเตอร์แบ็กมหาชนเป็นอ๊อปชันเสริมชั้นดีช่วย วิลลี แม็คเกรฮี ได้มาก ทว่าน่าเสียดายที่ ทีโบว์ ไม่เด่นเรื่องการขว้างบอล นี่ล่าสุด เอริค เด็คเกอร์ ปีกตัวหลักดันมาเจ็บเข่า ดูเหมือน บรองโกส์ อาจต้องพึ่งปาฏิหาริย์อีกครั้งในการอยู่รอดต่อไปในโพสต์ซีซัน
ขึ้นชื่อว่า "ทีมกีฬาอาชีพ" การทำงานร่วมกันเป็นทีมย่อมมีโอกาสต่อยอดสู่ความสำเร็จ ซึ่งในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) การสอดประสานช่วยเหลือซึ่งกันทั้ง ทีมบุก ทีมรับ ทีมพิเศษ ยิ่งมีมากเท่าไหร่ โอกาสสัมผัส "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพียงแต่โอกาสที่ความยอดเยี่ยมจะมาบรรจบกันอย่างสมบูรณ์แบบเป็นเรื่องไม่ง่าย ดังนั้นหากแฟรนไชส์ใดนำเอาจุดเด่นของตัวเองมาขายได้มากกว่า ชัยชนะก็ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม
หลังจากผ่านสัปดาห์ไวลด์การ์ด ศึกดิวิชันนัล เพลย์ออฟ เตรียมเปิดฉากขึ้นอาทิตย์นี้ ถึงเวลาที่ทีมซึ่งทำผลงานโดดเด่นในฤดูกาลปกติอย่าง กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส, นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์, ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส หรือว่า บัลติมอร์ เรฟเวนส์ จะลงสู่สนามมาถูกท้าทายโดย นิวยอร์ก ไจแอนท์ส, เดนเวอร์ บรองโกส์, นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส และ ฮุสตัน เท็กแซนส์ ซึ่งในคอลัมน์ตอนนี้ผู้เขียนขอหยิบยกเอาจุดเด่นของแต่ละแฟรนไชส์มาลองไขปริศนาโอกาสลิ่วสู่รอบต่อไป
เริ่มจาก แพ็คเกอร์ส และ แพทริออตส์ สองทีมเต็งที่มีคุณสมบัติเด่นคล้ายคลึง ในขณะที่ "แพ็คส์แมน" มี แอรอน ร็อดเจอร์ส นำทัพ "แพทส์แมน" ก็มี ทอม เบรดี เชิดหน้าชูตา ซึ่งความยอดเยี่ยมของทั้งคู่ ต้องยกเครดิตให้เพื่อนร่วมทีมบุก ถ้า "เอ-ร็อด" ไม่มีกลุ่มปีกฝีมือเยี่ยมอย่าง เกร็ก เจนนิงส์, จอร์ดี เนลสัน, โดนัลด์ ไดรฟเวอร์, เจมส์ โจนส์ หรือ เจอไมเคิล ฟินลีย์ คอยรับบอล สถิติขว้าง 45 ทัชดาวน์ เสียเพียง 6 อินเทอร์เซปต์ (น้อยที่สุดอันดับ 2 ของลีก) คงไม่เกิดขึ้น ขณะที่ เบรดี ก็เช่นกัน การมี เวส เวลเกอร์ ป่วนทีมรับคู่แข่งหาช่องรับบอล หรือการอาศัย ร็อบ กรอนคาวสกี และ แอรอน เฮอร์นานเดซ สอดทำระยะ สถิติขว้าง 5,235 หลาในฤดูกาลเดียวคงไม่เกิดขึ้น ดังนั้นความจัดจ้านใน "ทีมบุก" จึงกลบจุดด้อยในทีมรับไปถนัดตา ทว่าในความบ้อท่า "ทีมรับ" แพ็คส์และแพทส์ ยังแฝงด้วยความอันตราย สามารถอินเทอร์เซปต์คู่แข่งได้ 31 และ 23 หนตามลำดับ
ส่วน เซ็นต์ส มีทีมบุกร้อนแรงไม่แพ้ แพ็คเกอร์ส และแพทริออตส์ โดย ดรูวส์ บรีส์ ทำลายสถิติการขว้างได้ระยะมากที่สุดใน NFL ของ แดน มาริโน จากผลงานบอมบ์ 5,476 หลา ซึ่งก็เช่นกัน "นักบุญ" อุดมไปด้วยกลุ่มปีกที่เลอเลิศ มาร์คิส โคลสตัน, เดเวอรี เฮนเดอร์สัน, แลนซ์ มัวร์, โรเบิร์ต มีแชม และ จิมมี แกรห์ม แต่สิ่งที่ทำให้ เซ็นต์ส แตกต่างคือ การมี "เกมวิ่ง" อันทรงพลัง นี่ถ้า มาร์ค อินแกรม รันนิงแบ็กรุคกีไม่ปิดเทอมยาวจากอาการบาดเจ็บนิ้วเท้า เท่ากับว่าทีมจะมีหมัด 1-2-3 (ผนวกรวม ปิแอร์ โธมัส กับ ดาร์เรน สโปรลส์)
ไปที่ โฟร์ตีไนเนอร์ส และ เรฟเวนส์ กันบ้าง นี่เป็นสองทีมที่ขายเรื่อง "ทีมรับ" อันดับ 3 และ 4 ของลีกตามลำดับ ในขณะที่ "คนตื่นทอง" มี แพทริค วิลลิส เป็นคีย์แมนในแผงไลน์แบ็กเกอร์ อันดอน สมิธ กับ จัสติน สมิธ พร้อมถลาโถมแซ็คควอเตอร์แบ็ก เช่นเดียวกับที่ "อีกาพญายม" มีพี่ใหญ่อย่าง เรย์ ลูอิส เป็นแกนนำ เทอร์เรลล์ ซักก์ หรือว่า เอ็ด รีด ก็พร้อมสร้างความรวดร้าวให้คู่แข่งได้ทุกเมื่อ อีกทั้ง "บอลคอนโทรล" ของทั้งสองทีมถือว่ายอดเยี่ยม แฟรงค์ กอร์ (ไนเนอร์ส) กับ เรย์ ไรซ์ รวมทั้ง เวอร์นอน เดวิส และ เดนนิส พิตตา (เรฟเวนส์) ทำให้ อเล็กซ์ สมิธ และ โจ แฟล็กโก ไม่ต้องเสี่ยงต่อความผิดพลาด
ด้าน เท็กแซนส์ องค์ประกอบ (เกือบ) สมบูรณ์แบบ "ทีมรับ" ภายใต้การดูแลของ เหว็ด ฟิลลิปส์ สถิติอันดับ 2 รองแค่ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ส่วนทีมบุกมี เอเดรียน ฟอสเตอร์ รันนิงแบ็กระดับพันหลา สลับกับ เบน เทต คอยกระทุ้ง เกมกลางอากาศมี อังเดร จอห์นสัน เหินหาวอยู่ทั้งคน นี่ถ้า แมตต์ ช็อบ ไม่บาดเจ็บพักทั้งซีซัน โอกาสที่ เท็กแซนส์ จะสร้างเซอร์ไพรส์คงสูงกว่าที่เป็นอยู่ แฟนๆ คงต้องมาลุ้นว่า ที.เจ.เยตส์ ควอเตอร์แบ็กรุคกี้สามารถสวมบท "ซินเดอเรลลา" ได้นานแค่ไหน
ปิดท้ายกันที่ ไจแอนท์ส และ บรองโกส์ ซึ่งเด่นคนละแบบ "ยักษ์ใหญ่" มีเกมการขว้างที่ไม่เป็นสองรองใคร อีลาย แมนนิง ชอบเสียด้วยกับการพาทีมคัมแบ็กควอเตอร์สุดท้าย วิคเตอร์ ครูซ กับ ฮาคีม นิกส์ ถือเป็นคู่ปีกในฝันของ NFL รับเกินระยะพันหลา นี่ถ้า อาห์หมัด แบรดชอว์ และ แบรนดอน จาค็อบส์ สลับกันวิ่งได้มันกว่านี่ ไจแอนท์ส มีลุ้นซูเปอร์โบว์ลอีกสมัย เพราะทีมรับก็แสบใช้ได้ทั้ง เจสัน ปิแอร์-พอล, จัสติน ทัค นี่ยังได้ โอซี อูเมนยิโอรา ฟิตกลับมาเข้าแก๊งค์ด้วยแล้ว สำหรับ "ม้าป่า" ทีมที่วิ่งอันดับ 1 ของลีก เฉลี่ย 164.5 หลาต่อเกม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ทิม ทีโบว์ ควอเตอร์แบ็กมหาชนเป็นอ๊อปชันเสริมชั้นดีช่วย วิลลี แม็คเกรฮี ได้มาก ทว่าน่าเสียดายที่ ทีโบว์ ไม่เด่นเรื่องการขว้างบอล นี่ล่าสุด เอริค เด็คเกอร์ ปีกตัวหลักดันมาเจ็บเข่า ดูเหมือน บรองโกส์ อาจต้องพึ่งปาฏิหาริย์อีกครั้งในการอยู่รอดต่อไปในโพสต์ซีซัน