xs
xsm
sm
md
lg

2012 ศึกชิงบัลลังก์มือ 1 "มะกัน VS ยุโรป"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลุค โดนัลด์
นับเป็นอีกหนึ่งปีทองของวงการกอล์ฟยุโรปอย่างแท้จริง หลังจากสิ้นสุดฤดูกาล 2011 เมื่อตำแหน่งราชันนักกอล์ฟกลายเป็นสมบัติผลัดกันชมระหว่าง "เวสตี้" ลี เวสต์วูด โปรจอมเก๋าชาวอังกฤษ, มาร์ติน คายเมอร์ สวิงมากฝีมือชาวเยอรมัน และลุค โดนัลด์ ก้านเหล็กผู้สร้างประวัติศาสตร์ครองบัลลังก์มือ 1 ทั้งพีจีเอ ทัวร์และยูโรเปียน ทัวร์ ไร้ซึ่งเงาของผู้เล่นชาวอเมริกันที่เคยยึดครองหัวแถว "เวิลด์กอล์ฟแรงกิ้ง" มายาวนานกว่า 26 ปีนับตั้งแต่มีการจัดอันดับ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งครั้งในประวัติศาสตร์ของโปรจากเมืองลุงแซมที่ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งติดท้อป 5 ในสัปดาห์แรกของการเปิดฤดูกาล

กลายเป็นสิ่งที่หลายคนในวงการกอล์ฟให้ความสนใจ และแสดงความคิดเห็นออกไปอย่างหลากหลาย เมื่อเห็นตารางการจัดอันดับคะแนนเฉลี่ยโลก (เวิลด์ กอล์ฟ แรงกิ้ง) ภายหลังจบฤดูกาล 2011 ซึ่งตำแหน่งนักกอล์ฟมือ 1 โลกตกเป็นของ ลุค โดนัลด์ โปรร่างเล็กจากเมืองผู้ดี ตามมาด้วยอันดับ 2 ลี เวสต์วูด เพื่อนร่วมชาติชาวอังกฤษ ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ รอรีย์ แม็คอิลรอย ดาวรุ่งฟอร์มแรงชาวไอร์แลนด์เหนือ ส่วนอันดับ 4 คือ มาร์ติน คายเมอร์ จากเยอรมัน สวนทางกับผู้เล่นของฝั่งสหรัฐฯที่เวลานี้มีอันดับสูงสุด คือ สตีฟ สตริคเกอร์ ขิงแก่วัย 44 ปี ที่รั้งอยู่อันดับ 6

โดยพิจารณาจากผลงานของนักกอล์ฟฝั่งยุโรปแล้ว คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้เล่นสหรัฐฯจะสามารถครอบครองท้อป 5 ในเวิลด์กอล์ฟแรงกิ้งได้เหมือนในอดีต เมื่อ "พญาเสือ" ไทเกอร์ วูดส์ ยอดโปรชาวอเมริกัน เผชิญกับปัญหาฟอร์มตก ภายหลังถูกขุดคุ้ยพฤติกรรมฉาวเมื่อปี 2009 ขณะที่ "เลฟตี้" ฟิล มิคเคลสัน อีกหนึ่งความหวังสูงสุด ก็เริ่มร่วงโรยไปทุกขณะ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นโอกาสดีที่สุดของบรรดาสวิงจาก "ยูโรเปียน ทัวร์" ที่จะได้ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ นับตั้งแต่ปี 1986 ซึ่งเป็นการจัดอันดับครั้งแรก

เมื่อมองภาพรวมของผู้เล่นยุโรปในช่วงปีที่ผ่านมา ถือว่ามีสถิติที่ยอดเยี่ยมเหนือกว่าทางสหรัฐฯ เริ่มต้นด้วย ลุค โดนัลด์ ที่กระชากบัลลังก์มาจาก "เวสตี้" ในศึก "บีเอ็มดับเบิลยู พีจีเอ แชมเปียนชิป" ที่ เวนเวิร์ธ เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม สวิงวัย 34 ปี คว้าแชมป์ได้ถึง 4 รายการ (ดับเบิลยูจีซี เอคเซนเจอร์ แมทช์เพลย์, บีเอ็มดับเบิลยู พีจีเอ แชมเปียนชิป,บาร์เคลย์ สกอตติช โอเพน และ ชิลเดรนส์ มิราเคิล เนตเวิร์ค คลาสสิก) นอกจากนั้นยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้เล่นคนแรกที่ครองตำแหน่งมือ 1 ของทั้งพีจีเอ ทัวร์ และยูโรเปียน ทัวร์

ส่วน "เวสตี้" ก็มีสถิติที่ดีไม่แพ้กัน โดยคว้าแชมป์ 4 รายการในปีนี้ ประกอบไปด้วย อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส, บัลเลนไทน์ แชมเปียนชิป, เนดแบงค์ กอล์ฟ ชาลเลนจ์ และไทยแลนด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิป ขณะที่ แม็คอิลรอย ชูโทรฟีได้ 3 รายการ หนึ่งในนั้นคือ "ยูเอส โอเพน" และอีก 2 รายการ (เซี่ยงไฮ้ มาสเตอร์ส, ยูบีเอส ฮ่องกง โอเพน) ทางด้าน คายเมอร์ ผู้ครองมือ 1 โลก 8 สัปดาห์ ก็ไม่น้อยหน้ามีผลงานคว้า 2 แชมป์รายการใหญ่ คือ อาบู อาบี กอล์ฟ แชมเปียนชิป และดับเบิลยูจีซี-เอสเอชบีซี แชมเปียนส์ ซึ่งภาพรวมนี้เป็นเหตุผลที่เด่นชัดที่สุดของทัพนักกอล์ฟยุโรปในการยึดครองท้อป 5 เวิลด์กอล์ฟฯได้อย่างเหนียวแน่น

แตกต่างจากทางสหรัฐฯ ที่ผู้เล่นฟอร์มแรงที่สุดกลับกลายเป็นม้ามืดอย่าง คีแกน แบรดลีย์ รุกกีโนเนมวัย 25 ปี ที่ผงาดคว้าชัยศึก "พีจีเอ แชมเปียนชิป" ไปอย่างเหนือความคาดหมาย พร้อมกับโทรฟีอีก 3 รายการ คือ เอชพี ไบรอน เนลสัน แชมเปียนชิป, พีจีเอ แกรนด์สแลม ออฟ กอล์ฟ และแฟรงคลิน เทมเพิลตัน ชูตเอาท์ จนกลายเป็นความหวังใหม่ของวงการสวิงมะกันไปในทันที

จากสภาวะดังกล่าวที่โปรสหรัฐฯตกอยู่ภายใต้การครอบงำของนักกอล์ฟยุโรป สร้างความแปลกประหลาดใจไม่น้อย ทั้งในส่วนของแฟนกอล์ฟ, ผู้สื่อข่าว, นักวิจารณ์ รวมถึงตัวผู้เล่น ซึ่ง เอียน โพลเตอร์ สวิงมากสีสันชาวอังกฤษ ก็ได้แสดงทัศนะว่าอีกไม่นานสงครามการทวงบัลลังก์ของโปรชาวอเมริกันจะเริ่มต้นขึ้น โดยกล่าวว่า

“ผมคิดว่าช่วงเวลา 1-2 ปีนี้ เหล่าผู้เล่นดาวรุ่งจากสหรัฐฯ อย่าง ริกกี ฟาวเลอร์ ที่เพิ่งคว้าชัยชนะแรกในอาชีพที่เกาหลี รวมถึง คีแกน แบรดลีย์ รุกกีฟอร์มร้อน จะสามารถก้าวไปยืนอยู่ในจุดที่นักกอล์ฟรุ่นพี่ชาวอเมริกันเคยครองไว้ได้ เพราะ นอกจากพรสวรรค์ที่พวกเขาแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าสุดยอดแล้ว ผมเชื่อว่าประสบการณ์ต่างๆในช่วงรอบปีจะช่วยให้พวกเขาพัฒนาตัวเองไปเป็นหนึ่งในสุดยอดนักกอล์ฟของโลกได้ ที่สำคัญกว่านั้นนั่นหมายถึงศักดิ์ศรีของความเป็นผู้เล่นชาวอเมริกันนั่นเอง”
ลี เวสต์วูด
รอรีย์ แม็คอิลรอย
มาร์ติน คายเมอร์
คีแกน แบรดลีย์
กำลังโหลดความคิดเห็น