ASTVผู้จัดการรายวัน - ปิดฉากลงไปแล้วสำหรับศึกกอล์ฟ "เอเชี่ยน ทัวร์" ประจำฤดูกาล 2011 หลังขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เริ่มที่รายการ "อวานธา มาสเตอร์" ที่ประเทศอินเดีย จนมาถึง "ไทยแลนด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิป" ที่สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ จังหวัดชลบุรี ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำหรับภาพรวมผลงานของนักกอล์ฟไทยในศึกดวลวงสวิงระดับอาชีพของทวีปเอเชียอาจกล่าวได้ว่าตกลงไป เพราะปีนี้มีก้านเหล็กไทยเพียง 2 คนที่คว้าแชมป์เป็นจำนวนน้อยที่สุดตามสถิตินับแต่ปี 2006 ขณะที่โปรจากฟิลิปปินส์ อย่าง จูวิค พากันซาน ปีนี้มาแรงชนิดหาคนแซงได้ยากได้ตัวเลขรายได้ที่สูงถึง 788,298.60 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 23.6 ล้านบาท) นับเป็นนักกอล์ฟจากแดนตากาลอกรายแรกที่ได้ครองตำแหน่งดังกล่าว
นับว่าเป็นการปิดฉากอย่างสมบูรณ์ของวงการกอล์ฟเอเชีย ที่ปีนี้ตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินหมายเลขหนึ่งของตารางออร์เดอร์ ออฟ เมอริท เรียกได้ว่าเป็น “นิวคิด อินทัวร์” เมื่อ จูวิค พากันซาน โปรจากฟิลิปปินส์ ขึ้นมาครองตำแหน่งดังกล่าวแม้ในฤดูกาลนี้จะไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใดมาครองได้เลยแต่ผลงานอันสม่ำเสมอตลอดทั้งฤดูกาลโดยเฉพาะการจบท้อป 10 ในสี่รายการใหญ่"สิงคโปร์ คลาสสิก" อันดับ 6, "ไต้หวัน มาสเตอร์ส" อันดับ 9 ร่วม, "ฮ่องกง โอเพน" อันดับ 10 และอันดับ 2 ในศึก "สิงคโปร์ โอเพน"ทั้งหมดนี้ช่วยให้โปรจากแดนตากาลอก ทะยานขึ้นครองเบอร์ 1 ในเอเชี่ยน ทัวร์ ได้สำเร็จ
ทั้งนี้ คีย์ ลา ฮาน ประธานของเอเชียน ทัวร์ ยังได้กล่าวชื่นชม "จูวิค" ผู้ครองบัลลังก์มือ 1 ต่อจาก โนห์ เซียง-ยูล (2010) และธงชัย ใจดี (2009) ว่า "ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความสำเร็จของ พากันซาน เพราะ นั่นหมายถึงการเติบโตไปในทิศทางที่ดีของวงการกอล์ฟเอเชียที่กำลังพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งสุดท้ายนี้ก็หวังว่าเขาจะสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีในการแข่งขันระดับโลก 'ดิ โอเพน' และ 'ดับเบิลยูจีซี-คาดิลแลค แชมเปียนชิป' จากสิทธิ์การเป็นมือ 1 ของทัวร์นาเมนต์เรา"
ทางด้านผลงานของนักกอล์ฟไทยหลังปิดฤดูกาลเอเชียนทัวร์ปรากฎว่ามีนักกอล์ฟไทย 2 คนที่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้คือ "โปรอาร์ม" กิรเดช อภิบาลรัตน์ ซึ่งคว้าแชมป์แรกของตนเองในทัวร์จากศึก "เซล โอเพน" ที่ประเทศอินเดีย และ "โปรช้าง" ชวลิต ผลาผล ซิวโทรฟีรายการ "ควีนส์ คัพ" บนเกาะสมุย เป็นเอเชียน ทัวร์ รายการที่ 3 ในการเล่นอาชีพ
สำหรับอันดับเงินรางวัลสะสมหรือออร์เดอร์ ออฟ เมอริท นั้น ถาวร วิรัตน์จันทร์ ถือว่าทำได้ดีที่สุดในบรรดาโปรไทย จด้วยเงินรางวัล340,942.13 เหรียญสหรัฐฯ แต่ตามหลังจากมือ 1 ของเอเชียคนล่าสุดอย่าง จูวิค พากันซาน ก้านเหล็กชาวตากาล็อก ที่ทำได้ 788,298.60 เหรียญสหรัฐฯ ห่างถึงประมาณ 447,356 เหรียญสหรัฐฯ ถัดมาเป็น กิรเดช อยู่ที่ 7 ของอด้วยจำนวนเงิน 291,967.81 เหรียญสหรัฐฯ ส่วน ธงชัย เป็นมืออันดับ 10 ด้วยเงินสะสม 266,245.74 เหรียญสหรัฐฯ
ส่วนภาพรวมของเอเชี่ยนทัวร์ ในฤดูกาล 2011ที่ต้องต่อสู้กับคู่แข่งอย่าง วัน เอเชีย และ เจแปน ทัวร์ เรียกได้ว่า มีการเติบโตขึ้นอย่างมากจากการที่มีทัวร์นาเมนท์ร่วมกับ ยูโรเปียน ทัวร์ จำนวน 5 รายการ และ พีจีเอ ทัวร์ อีก 1 รายการ ทำให้ปีนี้ เอเชี่ยนทัวร์ คึกคักมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งนั่นหมายถึงฤดูกาล 2012 ที่ ประธานเอเชี่ยนทัวร์ คีย์ ลา ฮาน ตั้งเป้าในการจัดทัวร์นาเมนท์ให้ครอบคลุมในภูมิภาคเอเชีย ดังเช่นการจัดกอล์ฟในเมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ และ กัมพูชา ซึ่งนับเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเอเชี่ยนทัวร์ ดังเช่นที่ ลี เวสต์วูด นักกอล์ฟหมายเลข 2 ของโลกที่เพิ่งคว้าแชมป์บนสนามอมตะสปริงฯเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้กล่าวชื่นชมนักกอล์ฟในเอเชียว่า
“พัฒนาการของนักกอล์ฟจากเอเชี่ยนทัวร์นั้นพัฒนาขึ้นทุกปี และในครั้งนี้เมื่อได้มาสัมผัสกับตนเองทำให้พบว่าโปรในเอเชีย มีฝีมือไม่ด้อยไปกว่า นักกอล์ฟในยูโรเปี้ยน และ พีจีเอ ทัวร์เลย”
