xs
xsm
sm
md
lg

กล้าพูด! "ซีเกมส์" เด็กเล่น เป้าเดียวคือฟุตบอลโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บิ๊กเปี๊ยก-ดร.วิชิต แจงความล้มเหลวในซีเกมส์
ASTVผู้จัดการรายวัน - "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยควงแขน ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานคณะกรรมการบริหารทีมชาติไทย ชี้แจงต่อกรรมาธิการการกีฬาวุฒิสภา ถึงผลงานในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 โดยอ้างปัญหาเรื่องระยะเวลาการเตรียมทีม อีกทั้งฟุตบอลไทยมองไกลไปถึงการคัดเลือกฟุตบอลโลก ดังนั้นความสำคัญของฟุตบอลซีเกมส์จึงลดลง

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการการกีฬาวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการการกีฬาวุฒิสภา ครั้งที่ 26 ณ อาคารรัฐสภา 2 โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญคือ การพิจารณาผลงานฟุตบอลทีมชาติไทยในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย และพิจารณาความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอล เพื่อใช้แข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 7 พ.ศ.2555

ในส่วนของผลงานฟุตบอลไทยในซีเกมส์ นายองอาจ ชี้แจงว่า "ผมเข้าใจว่ากีฬาซีเกมส์เป็นความหวังของชาวไทยและสมาคมฟุตบอล ด้วยหน้าที่รับผิดชอบทางสมาคมฯ ที่ดูแลทีมทั้งชุดยู 12, 13 ปี, 16 ปี, 19 ปี และ 23 ปี รวมถึงทีมชาติชุดใหญ่ เช่นเดียวกับฟุตบอลหญิง 16 และ 19 ปี โดยรวมทั้งหมดประสบความสำเร็จ ดังนั้นใช่ว่าความล้มเหลวในชุดซีเกมส์ (23 ปี) จะหมายรวมว่าสมาคมทำผลงานล้มเหลว อีกทั้งเผอิญว่าการแข่งขันซีเกมส์ไปตรงกับการคัดเลือกฟุตบอลโลก เรามีนักเตะ 6-7 คนอยู่ในเกณฑ์อายุ 23 ปี อาทิเช่น กวิน ธรรมสัจจานันท์, ธีรศิลป์ แดงดา, จักรพันธ์ พรใส, ธีราทร บุญมาทัน หรือว่า ปกเกล้า อนันต์ ซึ่งจากการประชุมบอร์ดเราต้องดึงนักเตะเหล่านี้ติดทีมชุดใหญ่เพื่อฟาดแข้งกับทีมอย่าง อออสเตรเลีย และ ซาอุดิอาระเบีย ที่มีอันดับฟีฟ่าเหนือกว่า จึงต้องตัดขาดกับทีมชุดซีเกมส์โดยปริยาย แต่ถ้ามีนักเตะเหล่านี้ภายในทีม เราคงไม่ชนะแค่กัมพูชาเป็นแน่"

"ที่สำคัญ การเตรียมทีมซีเกมส์ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการเรียกตัวนักเตะมาซ้อม เนื่องจากถูกต้นสังกัดกักตัวไว้ ซึ่งตามกฎฟีฟ่าแต่ละสโมสรต้องปล่อยนักเตะมารับใช้ชาติล่วงหน้า 7-10 วัน แต่การเก็บตัวแค่ 10 วันย่อมไม่เพียงพอ ทั้งนี้สมาคมฯ พยายามทำทุกวิถีทางทั้งการเลื่อนโปรแกรมไทยลีก, โตโยตาลีกคัพ และเอฟเอ คัพ เพื่อมุ่งมั่นกับซีเกมส์ แต่ในเมื่อสโมสรไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร อีกทั้งความล้มเหลวส่วนหนึ่งเป็นเพราะเทคนิคของสตาฟฟ์โค้ช ต้องยอมรับว่าโค้ชต่างชาติมีเทคนิคที่เหนือกว่าโค้ชไทย เรื่องนี้ต้องพิจารณาปรับปรุงกันต่อไป

ด้าน ดร.วิชิต กล่าวเช่นกันว่า "ต้องยอมรับว่าฟุตบอลภายในอาเซียนสามารถต่อกรกันได้ แต่สิ่งที่หลายชาติยังทำไม่ได้เหมือนไทย คือการลงแข่งขันระดับเวิลด์คลาสอย่างการคัดเลือกฟุตบอลโลก คนไทยอยากเห็นฟุตบอลไทยเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ เราก้าวผ่านการแข่งขันระดับซีเกมส์ไปแล้ว เรียกได้ว่าซีเกมส์เป็นทัวร์นาเมนต์เด็กเล่น เด็กในที่นี่คือ นักเตะอายุ 23 ปี เป้าหมายคือการให้เด็กเหล่านี้เสริมสร้างประสบการณ์นำมาใช้ในชุดใหญ่ ทว่าที่ผ่านมาเรายังติดภาพการเป็นแชมป์ซีเกมส์ 13 สมัย ซึ่งผมต้องย้ำว่า ณ ปัจจุบันเป้าหมายหลักของสมาคมฯ คือการเตรียมทีมชุดใหญ่คัดเลือกฟุตบอลโลก มิเช่นนั้นเราคงไม่ลงทุนจ้าง วินฟรีด เชเฟอร์ เดือนละ 2 ล้านบาทหรอก"

ส่วนความคืบหน้าเรื่องการสร้างสนามฟุตซอลที่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก ซึ่ง นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้อำนวยการสำนักการโยธากรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่า "กทม.ออกแบบก่อสร้างสนามเสร็จและได้มีการอนุมัติก่อสร้างเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผ่านการพิจารณาโดยกระทรวงมหาดไทยเมื่อเดือนกันยายน มีวงเงินก่อสร้าง 1,139 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน สำนักงบประมาณใหญ่ได้มีการตอบรับ ซึ่งขั้นตอนต่อไปคือทำข้อตกลงกับกรมบัญชีกลางภายในเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตาม เหลือเวลาอีกเพียง 11 เดือน ก่อนที่พิธีเปิดฟุตซอลโลกจะมีขึ้นในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะก่อสร้างสนามแล้วเสร็จ"

"โดยการสร้างพื้นกับโครงสนามต้องใช้เวลา 9 เดือน ไม่รวมการสร้างหลังคาสนามอีก 2 เดือน ที่สำคัญการตอกเสาเข็มและเสารากฐานถือเป็นขั้นตอนยากที่สุด หากเริ่มก่อสร้างกันในเดือนนี้ อย่างเร็วสุดคงใช้เวลา 13 เดือน ซึ่งไม่ทันพิธีเปิดแน่นอน อีกทั้งเรายังเจอปัญหาโรงงานผลิตเสาเข็มที่จังหวัดปทุมธานีถูกน้ำท่วมและขาดแรงงาน ดังนั้นโครงการดังกล่าวคงต้องกลับไปหารือกับ กทม.ว่าจะทำอย่างไรกับงบที่ได้รับอนุมัติมากว่าหนึ่งพันล้านบาท"

ขณะที่ "บิ๊กเปี๊ยก" ให้สัมภาษณ์ทิ้งท้ายเกี่ยวกับเรื่องสนามจัดแข่งฟุตซอลโลก "เราคงใช้สนามอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก จัดพิธีเปิด-ปิด โดยใช้งบประมาณ 200 ล้านบาทจากการท่องเที่ยวและกีฬาในการปรับปรุงสนามแข่งที่ต้องมีเก้าอี้นั่งชม 12,500 ที่นั่ง อีกทั้งฟีฟ่ายังอนุมัติให้ใช้สนามในอาคารนิมิบุตร ภายในกรมพละศึกษาเป็นสนามแข่ง เช่นเดียวกับสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งทุกสนามคาดว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ โดยฟีฟ่ามีคิวเดินทางมาตรวจอินดอร์ สเตเดียม อีกครั้งในวันที่ 17 มกราคมนี้ ส่วนสนามที่หนองจอก แม้ได้รับการอนุมัติให้จัดแข่ง แต่เนื่องด้วยความไม่พร้อมคงไม่สามารถจัดแข่งขันได้"
เจ๊มล ซักในฐานะประธานกรรมาธิการวุฒิสภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น