“ไทย” ปะทะ “ซาอุฯ” เดิมพันสู่ฝันบอลโลก

ASTV ผู้จัดการรายวัน – เข้าสู่นัดที่สามของศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสาม กลุ่มดี แล้ว ซึ่งขุนพลลูกหนัง “ทีมชาติไทย” เตรียมเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถานชี้ชะตากับ “ซาอุดิอาระเบีย” ในเวลา 18.00 น.ของวันนี้ (11 ตุลาคม พ.ศ.2554) โดยเกมนี้ถือว่ามีเดิมพันอยู่ที่การเข้าสู่รอบ 10 ทีมสุดท้ายของทวีปเอเชียอันเป็นโอกาสตีตั๋วไปเล่นในรอบสุดท้ายที่บราซิล



เนื่องจากเมื่อดูสถานการณ์แล้วทั้งคู่น่าจะขับเคี่ยวเบียดแย่งกันเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มต่อจาก ออสเตรเลีย ที่เก็บ 6 แต้มเต็มจาก 2 นัดแรก ส่วน “ช้างศึก” มี 3 คะแนนจากการเฝ้าบ้านถล่ม โอมาน 3-0 ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม ขณะที่ “ลูกทะเลทราย” มีเพียงแต้มเดียวจากการบุกไปเสมอ โอมาน 0-0 ในนัดแรก แต่ก็พร้อมแซงขึ้นมาได้ทุกเมื่อในขณะที่ยังเหลือการแข่งขันอีก 4 แมตช์

หากพลิกกลับไปดูสถิติที่เคยพบกัน 14 ครั้ง ปรากฏว่า ไทย เป็นรอง ซาอุดิอาระเบีย อย่างเห็นได้ชัด โดยชนะเพียงหนเดียวด้วยสกอร์ 3-1 เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2527 นอกนั้นเสมอ 1 ครั้ง และแพ้ถึง 12 ครั้ง อย่างไรก็ตาม วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือจอมวางแผนชาวเยอรมันยืนยันว่าแม้คู่แข่งจะเคยผ่านเวทีเวิลด์คัพ รอบสุดท้ายมาแล้ว 4 สมัย และสถิติจะข่มกว่าเพียงใด แต่เวลานี้เขาขอพา “ช้างศึก” เก็บชัยชนะให้ได้เท่านั้น เพราะทั้งหมดที่กล่าวมาคืออดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว

สำหรับความพร้อมของทัพลูกหนังแดนขวานทองนั้น “วินนี” พัก 2 ขุนพลสำคัญอย่าง “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ดาวยิงอันดับหนึ่ง และ ดัสกร ทองเหลา จอมทัพกัปตันทีมเอาไว้ตลอดช่วงเก็บตัวฝึกซ้อมที่ผ่านมา เพื่อให้สมบูรณ์เต็มร้อยสำหรับเกมนี้โดยเฉพาะ ขณะเดียวกันเฮดโค้ชวัย 61 ปีเปิดเผยว่ามีผู้เล่นที่จะลงสนามอยู่ในใจแล้ว 9 รายซึ่งคาดว่าจะยึดชุดเดิมที่ประสานงานได้ลงตัวใน 2 นัดแรก มีเพียงตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ต้องแย่งกันระหว่าง สินทวีชัย หทัยรัตนกุล กับ กวิน ธรรมสัจจานันท์ และแบ็กซ้ายที่มี ธีราทร บุญมาทัน ซึ่งฉายแววเด่นในเกมอุ่นเครื่องกับ จอร์แดน โผล่ขึ้นมาเบียดกับ ศุภชัย คมศิลป์

ซึ่งกุนซือชาวเยอรมันเผยก่อนนำทีมชาติลงสนามในเกมนี้ว่า “ผมเชื่อว่าหากเราโชว์ฟอร์มได้ในระดับเดียวกับเกมที่ออสเตรเลียและเกมที่ชนะโอมานได้ เรามีดีที่เอาชนะซาอุฯได้ ผมบอกกับผู้เล่นในทีมว่าเราสามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้ ซึ่งนั่นคือความในของคนไทยทุกคน แม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันคือเป้าหมายของเรา”

ด้านอาคันตุกะจากตะวันออกกลางภายใต้การคุมทีมของ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด อดีตกุนซือทีมชาติฮอลแลนด์และบาร์เซโลนา เดิมทีวางแผนว่าจะเดินทางจากมาเลเซียมาในวันแข่งโดยไม่เข้าพักในเมืองไทยแม้แต่คืนเดียวก่อนบินกลับทันทีหลังจบแมตช์ กระทั่งเปลี่ยนใจกะทันหันและได้ลงฝึกซ้อมทำความคุ้นเคยที่สนามราชมังคลากีฬาสถานไปแล้วเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ทำให้การฟาดแข้งน่าจะออกรสชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งขุนพลลูกทะเลทรายนำทัพโดย ยาสเซอร์ อัล-กาตาห์นี ศูนย์หน้ากัปตันทีม, นาสเซอร์ อัล-ชามรานี หัวหอกผู้ยิงออสเตรเลียในนัดที่แล้ว และ ซาอุด คาริรี กองกลางตัวเก๋า

ซึ่งในส่วนของฟอร์มการเล่นทีม “ลูกทะเลทราย” นั้น “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ มือขวาของเชเฟอร์ที่เดินทางไปซุ่มดูฟอร์มการอุ่นเครื่องของ ซาอุดิอาระเบีย กับ อินโดนีเซีย ที่ประเทศมาเลเซีย ได้เผยผ่าน MGR SPORT ว่า “ซาอุดิอาระเบีย เป็นทีมที่เล่นฟุตบอลด้วยการเน้นไปที่การต่อบอลบนพื้นเป็นหลัก ส่วนลูกโด่ง การเปิดบอลจากริมเส้นดูจะไม่น่ากลัวเท่ากับออสเตรเลีย แต่ก็ยังประมาทพวกเขาไม่ได้ในเรื่องลูกตั้งเตะ ซึ่งหากไทยป้องกันอันตรายจากลูกตั้งเตะได้ เรามีโอกาสเก็บ 3 คะแนนแน่นอน และหวังว่าเรื่องของสภาพอากาศที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องจะไม่เป็นปัญหาต่อแฟนบอลของเราที่จะเข้ามาชมเกมในสนามราชมังคลาฯวันที 11 ต.ค.นี้”