นักเตะทีมชาติไทยกู้หน้าได้สำเร็จหลังเขี่ย กัมพูชา ตกรอบซีเกมส์ ครั้งที่ 26 "อิเหนาเกมส์" เป็นทีมแรก ด้วยการถล่ม 4-0 จากการซัดเบิ้ลของ อรรถพงศ์ หนูพรหม ร่วมกับ ณธฤษภ์ ธรรมรสโสภณ และ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ เพิ่มขวัญกำลังใจก่อนดวลเจ้าภาพ อินโดนีเซีย ในวันที่ 13 พ.ย.นี้
เมื่อเวลา 17.00 น. วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2554 ที่สนามเกโลรา บุงการ์โน หรือเสนายัน ทีมชาติไทย ลงทำศึกฟุตบอลซีเกมส์ครั้งที่ 26 ของสายเอ พบกับ ทีมชาติกัมพูชา ที่ยังไร้แต้มใน 2 นัดที่ผ่านมา โดยเกมนี้ ขุนพลช้างศึก หลังจากที่พ่ายนัดประเดิมสนามให้แก่ มาเลเซีย แชมป์เก่า 1-2 "บิ๊กกาเซ็ม"ได้สั่งพัก เฉลิมศักดิ์ แก้วสุขแท้ และ สุจริต จันทกล เนื่องจากอาการบาดเจ็บเพื่อเก็บไว้ดวลนัดเจอกับเจ้าภาพ ส่วนรายของ วีระวุฒิ กาเหย็ม ต้องถูกพักรักษาตัวอย่างน้อย 2-3 เดือนหลังถูกผู้เล่นมาเลย์เหยียบจนเอ็นข้อเท้าอักเสบ แต่ยังยึดแดนกลางวาง สารัช อยู่เย็น ปั้นเกมร่วมกับ ปกเกล้า อนันต์ ส่วนคู่หัวหอกส่ง "กัปตันแซม" ทะลวงตาข่ายกับ อดิศักดิ์ ไกรษ ด้าน อี เท ฮุน กุนซือแดมโสมของทีมชาติกัมพูชา ส่ง ซอก ริธีย์ สวมปลอกกัปตันทีมแทน ควน ลาโบลาวี ที่ติดโทษแบน
เริ่มการแข่งขันทั้งสองทีมต่างผลัดกันเขี่ยบอลจนนาทีที่ 11 ไทยสร้างจังหวะเสียวจาก รณชัย รังสิโย ที่จิ้มบอลหน้ากรอบทว่าน้ำหนักเบาจน อัม วิเชษฐ์ นายทวารกัมพูชาอุ้มรับสบาย จากนั้นนาทีที่ 18 ขุนพลช้างศึก ได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 เมื่อ อรรถพงศ์ หนูพรหม เปิดให้ ณธฤษภ์ ธรรมรสโสภณ ผู้ที่ตีเสมอในนัดที่พ่าย "เสือเหลือง" กดซ้ายหน้าหัวกะโหลกผ่านมือ วิเชษฐ์ เสียบเสาแรกอย่างรวดเร็ว
โอกาสลุ้นครั้งแรกของกัมพูชาในนาทีที่ 25 เมื่อ ซอก สานา หลุดเดี่ยวก่อนตะบันหน้าแข้งทว่า อุกฤษณ์ ก้มรับอย่างสบาย เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมงไทยมีโอกาสลุ้นเพิ่มจาก "กัปตันแซม" หลุดเดี่ยวก่อนจะยิงด้วยซ้ายแต่ นายทวารกัมพูชา แอ่นอกรับได้ทัน ไทยยังเป็นฝ่ายครองบอลได้มากว่านาทีที่ 39 สารัช อยู่เย็น ได้ตะบันฟรีคิกระยะ 10 หลา ทว่าลอยโด่งข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย ทดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก 2 นาที ไทยลุ้นฟรีคิกจาก ณธฤษภ์ ปั่นซ้ายทว่าโดนกำแพงกัมพูชาโหม่งสกัดออกมาก่อนหมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก ไทย นำ กัมพูชา 1-0
เกมเข้าสู่ครึ่งหลังกัมพูชาถอด แก้ว ไซง่อน นักเตะสังกัดสมุทรสาคร เอฟซี ลีกดิวิชั่น 2 ของเมืองไทยออกแล้วส่ง ซอก เพ้ง ทำหน้าที่แทน ถัดมา 3 นาที โชอุน รับบทซัดฟรีคิกหน้ากรอบทว่าบอลโด่งเกินลุ้น นาทีที่ 57 ณธฤษภ์ ธรรมรสโสภณ เกือบเป็นฮีโร่อีกครั้งเมื่อโขกบอลพุ่งชนคานเด้งลงพื้นก่อนที่ ปกเกล้า อนันต์ จะซัดซ้ำทว่าไม่มีโอกาสเป็นประตู จากนั้น "โค้ชเหม่ง" ได้เปลี่ยน นฤพล อารมณ์สวะ ออกแล้วส่ง เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ลงสนามแทน
นาทีที่ 66 กัมพูชา เกือบเจาะไข่แตกเมื่อ ซอก เพ้ง กระโดดสะบัดบอลจากลูกเตะมุมโชคดีที่ อุกฤษณ์ ชกออกได้ทัน จากนั้น "ช้างศึก" ได้ถอด ณธฤษภ์ ธรรมรสโสภณ ออกแล้วส่ง อดิศักดิ์ ไกรสร ทำหน้าที่แทน ก่อนที่ อดิศักดิ์ จะมีโอกาสลุยเดี่ยวซัดเต็มข้อระยะ 15 หลา ทว่าชนคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
"ขุนพลช้างศึก" ตุนเพิ่มเป็น 2-0 ในนาทีที่ 71 จากการเปิดของ ซีเกต หมาดปูเต๊ะ โยนให้ อรรถพงศ์ หนูพรหม ล้มตัวโหม่งพาบอลกระแทกตาข่ายอย่างรวดเร็ว ถัดมา 4 นาที ทีมชาติไทย ทิ้งห่างเป็น 3-0 จากการชิงบอลทางด้านขวาก่อนที่ อดิศักดิ์ ไกรสร จะซัดเต็มข้อหน้ากรอบแล้วชนคานกระดอนอออกมาเข้าเท้า เกริกฤทธิ์ ซัดซ้ำอย่างเฉียบคม
ทีมชาติไทยรุกใส่กัมพูชาไม่หยุดหย่อนจนเก็บเพิ่มเป็น 4-0 เมื่อ "กัปตันแซม" พักบอลที่อกก่อนโยนบอลเข้าเท้า อรรถพงศ์ ปั่นซ้ายอย่างรวดเร็วเกินที่ วิเชษฐ์ จะต้านทัน ก่อนหมดเวลา กัมพูชา ได้จังหวะลุ้นฟรีคิกจาก แมนี อุดม อัดย้อยเกือบเป็นประตูทว่า นายทวารแดนสยาม ชกออกได้ทัน
หมดเวลาการแข่งขันปรากฏว่า ทีมชาติไทย ชนะ ทีมชาติกัมพูชา 4-0 ส่งผลให้ทีมชาติกัมพูชาตกรอบแรกไปโดยปริยายเนื่องจากแข่งมา 3 นัดแต่ยังไร้แต้ม ส่วนทีมชาติไทยที่เก็บเพิ่มเป็น 3 แต้ม เตรียมพบก้างชิ้นโตในวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน ด้วยการพบกับเจ้าภาพ อินโดนีเซีย เวลา 19.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 9
รายชื่อ 11 คนแรกของทีมชาติไทย
อุกฤษณ์ วงศ์มีนา, ณธฤษภ์ ธรรมรสโสภณ , อรรถพงศ์ หนูพรหม, เอกสิทธิ์ ฉาวบุตร, คมกฤช คำโสกเชือก, ธนพล อุดมลาภ, ซีเกต หมาดปูเต๊ะ, นฤพล อารมณ์สวะ, สารัช อยู่เย็น, ปกเกล้า อนันต์, รณชัย รังสิโย (กัปตันทีม)